อีสานโพลเผย คนอีสาน ๒๐ จังหวัด เชื่อรัฐบาล “เศรษฐา” แจกเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาทสำเร็จ และจะส่งผลให้คะแนนผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก ๓๑.๖ เป็น ๓๓.๐ เป็นการเพิ่มขึ้น ๒ ไตรมาสติดต่อกันเมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น.วันที่ ๑๑ มกราคม๖๗ รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรือ ECBER คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่อง ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส ๔/๒๕๖๖ และคาดการณ์ไตรมาส ๑/๒๕๖๗ โดยทำการสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ ๒๐ จังหวัดภาคอีสาน โดยผลสำรวจพบว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส ๔/๒๕๖๖ (ต.ค.-ธ.ค. ๖๖) เท่ากับ ๓๒.๘ เต็ม ๑๐๐ อยู่ในระดับแย่ ดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนซึ่งมีค่า ๓๒.๓ และด้วยมาตรการทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลส่งผลให้คะแนนผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก ๓๑.๖ เป็น ๓๓.๐ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น ๒ ไตรมาสติดต่อกัน “สำหรับการสำรวจความคิดเห็นเรื่องดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส ๑/๒๕๖๗ ระหว่างเดือน ม.ค.-มี.ค. ๖๗ จะเท่ากับ ๓๑.๒ แย่ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส ๔/๒๕๖๖ ขณะที่คำถามสุดฮิตซึ่งได้รับการตอบรับจากคนอีสานอย่างมากคือท่านคิดว่ารัฐบาล นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการคลังจะทำนโยบายแจกเงินดิจิทัล ๑๐.๐๐๐ บาทสำเร็จหรือไม่อย่างไร ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มากถึงร้อยละ ๕๒.๓, ไม่สำเร็จ ร้อยละ ๒๘.๓, ไม่แน่ใจร้อยละ ๑๙.๔”รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์สุทิน กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้คนอีสานยังคงให้ความคิดเห็นว่าหากได้รับเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท จะนำไปใช้จ่ายอะไรเป็นหลักพบว่าร้อยละ ๕๓.๓ จะนำไปซื้อของใช้ส่วนตัวและของกิน, รองลงมาร้อยละ ๑๙.๗ จะนำไปซื้อของและอุปกรณ์เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้, ร้อยละ ๑๓ จะนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์, ร้อยละ ๖.๒ อาจขายสิทธิ์เพื่อเอาเงินสด, ร้อยละ ๒.๘ ไม่อยู่ในเกณฑ์ของการได้รับเงินดิจิทัล และร้อยละ ๒.๗ อาจไม่ได้ใช้เพราะภูมิลำเนาอยู่ไกล
