Friday, 8 November 2024

“พิพัฒน์” จ่อตั้งกรรมการสอบ ปมอดีตรัฐมนตรี-บิ๊กข้าราชการ รีดหัวคิว ๓๖ ล้าน

“พิพัฒน์” รัฐมนตรีว่าการแรงงาน เตรียมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี DSI ตั้งข้อกล่าวหา ๒ อดีตรัฐมนตรี – ๒ บิ๊กข้าราชการ รีดหัวคิว ๓๖ ล้าน จัดส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตั้งข้อกล่าวหา ๒ อดีตรัฐมนตรี และ ๒ บิ๊กข้าราชการ มีเอี่ยวเรียกเก็บค่าหัวคิวคนงานไทยไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์รวมกว่า ๓๖ ล้านบาท ว่า ทราบข่าวจากสื่อมวลชนเรื่องดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีอดีตรัฐมนตรีและข้าราชการระดับผู้ใหญ่ของกระทรวงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เจอปลัดกระทรวงแรงงาน โดยจะเรียกมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๖๖ มีความเป็นมาอย่างไร โดยตนจะติดตามหาข้อมูลเพื่อจะมาดูว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะทราบว่าทางการฟินแลนด์ส่งข้อมูลทั้งหมดมาที่ดีเอสไอ และทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็มีการทำเรื่องไปถึงดีเอสไอแล้วเช่นกัน เรื่องนี้จึงนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จะต้องหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ได้ก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร หลังจากนั้นจะตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ใช่การตั้งกรรมการสอบ แต่เป็นการตั้งกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาการส่งออกแรงงานไทยไปทำงานในประเทศต่างๆ นอกจากงานไปเก็บผลไม้ป่าในแถบประเทศสแกนดิเนเวีย เช่น ฟินแลนด์ และสวีเดน ยังมีการจัดส่งแรงงานไปทำงานในอีก ๑๑-๑๒ ประเทศ เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นจะเรียกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาหารือกัน กรมการจัดหางานต้องระวังในสิ่งต่างๆ เพราะอุตส่าห์ไม่ให้ผ่านทางเอเย่นต์ แต่กลับกลายเป็นว่ามีการไปเรียกรับเงินในต่างประเทศ สร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลไทยและประเทศไทยผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศจะมีการเข้มงวดมากขึ้นแค่ไหน นายพิพัฒน์ ตอบว่า จะประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศว่า กระทรวงแรงงานไม่มีการเรียกรับอามิสสินจ้างในการดำเนินการใดๆ หากมีเจ้าหน้าที่ไปเรียกรับเงิน ขอให้แจ้งให้กระทรวงรับทราบ หรือหากไม่กล้าแจ้งกระทรวง ก็ขอให้แจ้งตรงมาที่ตน จะส่งมาเป็นจดหมาย มาพบด้วยตนเอง หรือจะส่งให้ใครมาประสานก็ได้ เรื่องนี้จะต้องโปร่งใส.