“สรรเพชญ” สส.สงขลา ปชป. เตือน รัฐบาล หากบิดเบือนข้อมูล “แลนด์บริดจ์” เท่ากับสร้างหายนะให้กับประเทศ จี้ ตอบคำถาม ด็อกเตอร์สามารถ ราชพลสิทธิ์ ให้ได้ก่อน คุ้มค่าหรือไม่ วันที่ ๑๔ ม.ค. ๖๗ นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา ได้ให้ความเห็นจากกรณี ๔ สส. ได้ลาออกจากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ อันเนื่องจากการที่ไม่เห็นด้วยกับรายงานการศึกษาที่ยังมีจุดบกพร่อง มีลักษณะตัดแปะ และมีเนื้อหาที่ไม่สมบูรณ์ในหลายจุดนั้น ว่า “ตนทราบแต่เพียงสาเหตุของการลาออกตามหน้าสื่อทั่วไปที่ กมธ. ทั้ง ๔ ท่าน ไม่เห็นด้วยกับรายงาน ส่วนการลาออกของ สส. ทั้ง ๔ ท่านนั้น จะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง“ นายสรรเพชญ ยังได้ให้ความเห็นต่อรายงานผลการศึกษาของ กมธ.เเลนด์บริดจ์ ที่มีปัญหา ว่า โครงการแลนด์บริดจ์ มีมูลค่ากว่า ๑ ล้านล้านบาทนั้น จำเป็นต้องมีกระบวนการศึกษาที่ถูกต้อง ตรงตามหลักวิชาการ ทั้งด้านมิติทางเศรษฐกิจ ผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ทั้งนี้ หน่วยงานที่ศึกษาจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และสามารถตอบข้อสงสัย แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุนผลการศึกษาต่อสังคมได้ “จากข่าวที่ปรากฏ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลการศึกษาเรื่องความคุ้มค่าของโครงเเลนด์บริดจ์ระหว่างสภาพัฒน์ฯ และ สนข. มีความขัดแย้งหรือเห็นต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้น ตนเห็นว่าโครงการภาครัฐทุกโครงการ จะต้องมีกระบวนการศึกษาที่ถูกต้อง เป็นไปตามหลักวิชาการ ไม่มีการบิดเบือนผลการศึกษาเพื่อประโยชน์ของตน ประเด็นนี้สำคัญมากนะครับ หากเรามีอคติ หรือพยายามบิดเบือนข้อมูล ข้อเท็จจริงงานวิจัยแล้ว ผลกระทบระยะยาว ความเสียหาย คงต้องตามมาแน่ๆ โดยเฉพาะผลการศึกษาของโครงการขนาดใหญ่ที่อาจสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงtt ttอย่างข้อชวนสงสัยของ ด็อกเตอร์สามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ชวนให้คิดว่า แลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร จะช่วยร่นระยะทางลงจริงหรือไม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องออกมาให้ข้อมูล ออกมาอธิบายกับสังคมให้กระจ่าง เพราะหากแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร ไม่สามารถประหยัดเวลาการเดินเรือ เมื่อเทียบกับการเดินผ่านช่องแคบมะละกา โครงการนี้ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เรือขนาดแสนตันขนถ่ายสินค้าขึ้น-ลง ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ดังนั้น ความสำคัญทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ประเด็นธรรมาภิบาลของหน่วยงานภาครัฐเป็นสำคัญ และหากเราเปรียบเสมือนคลังสมองของชาติ อย่างสภาพัฒน์ฯ อย่าง สนข. ขอให้ท่านตรงไปตรงมา กับข้อมูลที่ท่านได้ศึกษามา” นายสรรเพชญ กล่าว นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ยังกล่าวอีกว่า ระบบเศรษฐกิจไทยได้หยุดการขยายตัวแบบก้าวกระโดดมาเป็นเวลานาน เนื่องจากการขาดการลงทุนขนาดใหญ่ ดังนั้น ตนจึงเห็นว่ารัฐบาลควรลงทุนด้าน “เมกะโปรเจกต์” ให้มากขึ้น เพราะจะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ผู้คนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษประจำทั้ง ๔ ภูมิภาคของไทย ฯลฯ ตลอดจน “เมกะโปรเจกต์” จะส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวมอีกด้วยสำหรับพื้นที่ภาคใต้ นายสรรเพชญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในอดีต โครงการ “เมกะโปรเจกต์” จะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเป็นหลัก เช่น ท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ทางรถไฟสายใหม่เชื่อมโครงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ ๒ โครงข่ายถนน สะพานมาต่อเชื่อมระหว่างไทย-มาเลเซีย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายหาดใหญ่-ชายแดนมาเลเซีย (ด่านสะเดา) และรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเมกะโปรเจกต์ด้านพื้นที่เศรษฐกิจ คือ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor) โครงการที่สำคัญ เช่น โครงการรับเบอร์วัลเลย์ (Rubber Valley) ที่นครศรีธรรมราช เป็นต้น
“สรรเพชญ” เตือน รัฐบาล หากบิดเบือนข้อมูล ”แลนด์บริดจ์” อาจทำไทย “หายนะ”
Related posts