ชายขับรถเก๋งไล่ชนแท็กซี่บนถนนรัชดาฯ เข้ามอบตัว-ให้ปากคำแล้ว “แท็กซี่” โวยชนแล้วหนี จี้รับผิดชอบ ทำตัวเป็นคนใหญ่คนโต ด้านแม่อ้างป่วย พร้อมนำประวัติรักษามายืนยัน รับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยลูกชายเป็นคนผิด ตำรวจส่งตัวไป รพ.ให้แพทย์ประเมินอาการป่วยทางจิตจากกรณีชายขับรถเก๋ง ยี่ห้อ Toyota Crown สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ชนรถแท็กซี่ ๒ คัน จนได้รับความเสียหาย โดยมีคลิปว่อนโลกโซเชียล เหตุเกิดบนถนนรัชดาภิเษก พื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ ๑๕ ม.ค. ๖๗ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า แม่ของคนขับรถเก๋งสีขาวได้ประสานเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่าลูกชายที่เป็นคนขับรถเก๋งมีอาการป่วยทางจิต และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ลูกชายได้พักการเรียนในมหาวิทยาลัย และไปศึกษาธรรมะรวม ๑๐ ปี จนกระทั่งเพื่อนได้ไปหา และขอให้สึกออกมาเรียนต่อให้จบ ลูกชายจึงสึกออกมาเรียน แต่ช่วงหลังมักจะมีอาการคลุ้มคลั่งคิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าตลอดเวลา แม่จึงพาไปรักษาให้กินยาตลอด เวลาไปไหนมาไหนจะพรมน้ำมนต์ตลอดtt ttต่อมาเวลา ๑๒.๐๐ น. ที่ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสามารถติดต่อผู้ครอบครองรถเก๋งคันก่อเหตุได้แล้ว เบื้องต้นให้การผ่านทางโทรศัพท์ยอมรับว่าเป็นผู้ขับรถก่อเหตุดังกล่าวจริง และจะเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนภายในวันนี้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เช่น การดื่มสุรา เหตุผลที่ขับรถหนี หรือคนขับมีอาการป่วยตามที่ปรากฏรายงานข่าว เรื่องนี้ขอสงวนยังไม่เปิดเผย เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่พนักงานสอบสวนยังไม่เชื่อข้อมูลใดๆ จากปากผู้ก่อเหตุ ต้องรอให้มาที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งนำไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อหาสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ในร่างกายส่วนรถเก๋งคันก่อเหตุพบว่าผู้ก่อเหตุนำไปจอดทิ้งไว้ท้ายซอยอินทามระ ๒๖ จึงได้ประสานตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร และนำรถคันดังกล่าวมาตรวจยึดไว้เป็นของกลาง แล้วนำมาไว้ที่สถานีตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดอื่นๆ ต่อไป ส่วนสาเหตุที่นำรถไปจอดทิ้งไว้ภายในซอยอินทามระ ๒๖ นั้นจะต้องดำเนินการสอบสวนอีกครั้ง ส่วนของเหลวที่พบภายในรถเก๋งคันก่อเหตุ เบื้องต้นประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานให้มาตรวจสอบแล้ว ส่วนสมมติฐานที่ว่าคนขับรถเก๋งเกิดอาการสติแตก ในระหว่างเกิดเหตุนั้น มองว่าเป็นไปได้ แต่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดก่อน ยอมรับว่าเหตุการณ์ผ่านมาเกือบ ๑๒ ชั่วโมง อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย แต่ถ้าหากผู้กระทำความผิดเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนจะเป็นผลดีกับตัวเขาเอง เพื่อแสดงข้อเท็จจริง ส่วนถ้าหากคนขับรถเก๋งมีอาการป่วยจริงควรจะต้องนำใบรับรองแพทย์มาแสดง ตนไม่อยากจะชี้นำในประเด็นนี้สำหรับแนวทางการดำเนินคดีนั้นทางตำรวจวางแผนเอาไว้ว่า เป็นการดำเนินคดีแบบต่างกันต่างวาระ ในกรณีเหตุการณ์ขับรถชนจากจุดที่ ๑ และจุดที่ ๒ คือหน้าโลตัสพระราม ๙ จนถึงหน้าอาคาร RS Tower อาจจะเป็นข้อหาขับรถโดยประมาท และชนแล้วหนี ส่วนจุดที่ ๓ บริเวณด้านหน้า The Street รัชดา ตามที่ปรากฏในคลิปแน่ชัดแล้วว่าเป็นข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และขับรถชนโดยเจตนา ส่วนรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองที่ถูกชนในคลิปไม่ถือว่าประมาทร่วม หรือมีส่วนที่ต้องแจ้งข้อหาใดๆ เพราะพิจารณาจากพฤติการณ์ เป็นการป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้กระทำความผิดหลบหนี จึงไม่มีความผิดtt ttต่อมาเวลา ๑๓.๐๐ น. นายวิญญู แก้วพรม อายุ ๔๒ ปี คนขับรถแท็กซี่สีชมพู หนึ่งในรถที่ถูกรถเก๋งคันสีขาวเฉี่ยวชนบริเวณถนนรัชดาภิเษกเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง โดย นายวิญญู กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ประมาณ ๔ ทุ่มกว่าๆ ขณะที่ตนกำลังขับรถบนถนนรัชดาภิเษกเลนที่ ๓ เลยเอสพลานาดมาเล็กน้อย ปรากฏว่าตนได้ยินเสียงรถเก๋งคันสีขาวขับตามมาข้างหลังด้วยความเร็วสูง และมีการบีบแตร ก่อนจะมาเบียดเฉี่ยวชนกับรถของตนบริเวณฝั่งด้านคนขับ แล้วรถเก๋งก็ขับพุ่งตรงไปยังสามแยกเทียนร่วมมิตร โดยมีแท็กซี่เขียวเหลืองขับไล่ตามมาด้วยพอมาถึงบริเวณหน้า The Street รัชดา ก็เห็นว่ารถแท็กซี่เขียวเหลืองได้ขับปาดหน้าขวางรถเก๋งคันสีขาว ก่อนจะพุ่งชนกันตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งรถแท็กซี่ของตนที่ขับตามมา ก็ได้แต่จอดห่างๆ เพราะกลัวจะถูกลูกหลง เมื่อรถเก๋งสีขาวขับหนีออกไป ตนก็พยายามขับตาม แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถทำความเร็วได้มาก เนื่องจากยังมีรถในปริมาณมาก ก่อนตามกันลงอุโมงค์แยกห้วยขวาง พอขึ้นจากอุโมงค์ก็เห็นว่ารถเก๋งสีขาวคันดังกล่าวหายไปแล้วเท่าที่ตนสังเกตเห็น รถเก๋งคันสีขาวขับมาด้วยความเร็วสูงมาก เหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง ขนาดตนที่ขับไล่ตามด้วยความเร็ว ๗๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ยังขับตามไม่ทัน แต่ก็ไม่เห็นว่ามีลักษณะของการขับส่ายไปส่ายมา สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของตนนั้นเป็นรอยถากยาวบริเวณฝั่งที่นั่งคนขับ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าคนขับรถเก๋งน่าจะเมาแล้วขับ”ส่วนตัวอยากเรียกร้องให้คนขับรถเก๋งมารับผิดชอบ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่ขับชนแล้วหนีแบบนี้ เขาน่าจะจอดดูหรือแสดงความรับผิดชอบสักหน่อย ทำตัวเหมือนกับว่าเป็นคนใหญ่คนโต” คนขับแท็กซี่ กล่าวต่อมาเวลา ๑๗.๔๐ น. พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำคุณแม่ของคนผู้ก่อเหตุ มีข้อมูลว่าลูกเคยมีประวัติการรักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ด้วยอาการสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ เริ่มรักษาตั้งแต่ปี ๒๕๖๕ แต่ระยะหลังหนีการรักษา ทางตำรวจให้คุณแม่ของผู้ก่อเหตุนำประวัติการรักษาทั้งหมดมาแสดง โดยคุณแม่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนต้องรอสอบปากคำแพทย์ผู้รักษาว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเกิดจากภาวะจิตใจเป็นอย่างไร เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุมีความขัดแย้งกับคุณแม่ แต่รายละเอียดไม่ขอเปิดเผยเพราะอยู่ในสำนวนผกก.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง กล่าวว่า ช่วงเช้าได้นำผู้ก่อเหตุไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ตรวจเลือดหาวัตถุออกฤทธิ์ในร่างกายทั้งหมด ต้องมีการตรวจสอบทั้งหมดต่อไป ตนพูดคุยกับผู้ก่อเหตุสามารถเล่าเรื่องได้ และรู้สึกเสียใจ แต่มีบ้างห้วงพบว่ามีสภาวะไม่ปกติ ตอนนี้ต้องขอรอผลการตรวจพิสูจน์ต่างๆ ทั้งหมดก่อน เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร คุณแม่ยอมรับในความผิดของลูกชาย ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา จับกุมหรือควบคุมตัวแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัว และยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจร่างกาย และพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อประกอบก่อนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไปtt ttต่อมาเวลา ๒๐.๐๐ น. วันเดียวกัน ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ส่งตัวผู้ก่อเหตุเพื่อไปรับการประเมินและรักษาอาการทางจิตที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาฯ ระหว่างคุมตัวขึ้นรถ เจ้าตัวท่าทางปกติ สวมเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น และสวมหมวกสีเหลือง ไม่มีสีหน้าเคร่งเครียดแต่อย่างใด ช่วงหนึ่งมีการทำมือท่าวันทยหัตถ์ ลาตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นพอเห็นกล้องของสื่อมวลชนได้หันมายิ้มพร้อมกับเอามือจับหมวกแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย แล้วเร่งฝีเท้าขึ้นรถทันทีพ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง กล่าวว่า หลังจากส่งตัวผู้ก่อเหตุเพื่อไปรับการประเมิน และรักษาอาการทางจิต ที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาฯ กระบวนการจากนี้ คือให้แพทย์ประเมินอาการและวินิจฉัยว่ามีอาการทางจิต หรืออยู่ในภาวะที่สามารถต่อสู้คดีได้หรือไม่ กรอบเวลาตามกฎหมายในการวินิจฉัยอยู่ที่ ๔๕ วัน หากพบว่าป่วยอาการทางจิตต้องรักษาและคอยรายงานทุก ๑๘๐ วัน จนกว่าจะสามารถกลับมาต่อสู้คดีได้ แต่หากประเมินวินิจฉัยแล้วว่าไม่มีอาการทางจิต ก็สามารถส่งตัวกลับมาต่อสู้คดีได้.
มอบตัว เก๋งขาวหัวร้อน ชนเดือดแท็กซี่ แม่อ้างป่วย ตำรวจรอผลประเมินทางจิต
Related posts