ผมเคยเขียนแนะนำสั้นๆไว้ท้ายคอลัมน์ฉบับประจำวันเสาร์ของผม ซึ่งจะมีเนื้อที่สำหรับแนะนำหนังสือที่น่าอ่านเสาร์ละ ๔–๕ เล่มเอาไว้แล้ว สำหรับหนังสือของ ด็อกเตอร์วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่ผมจะนำมาเขียนถึงอย่างละเอียดพอสมควรในวันนี้เหตุเพราะผมยังมีโควตาที่จะต้องเขียนต้นฉบับแห้งๆที่ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองทิ้งไว้ได้อีก ๑ วัน สำหรับการเดินทางไปอินโดนีเซียของผมงวดนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะเขียนแนะนำหนังสือไปด้วย และเขียนถึงตัวอดีตรองนายกฯที่ผมก็เคยทำงานใกล้ชิดกับท่านพอสมควรในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งไปด้วยพร้อมๆกันเล่มแรกท่านตั้งชื่อว่า “เลขที่ ๑ ถนนพิษณุโลก” บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญขณะที่ท่านทำงานอยู่กับรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เอาไว้ประมาณ ๒๘๐ หน้ามีจำหน่ายที่ร้านสวัสดิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายในทำเนียบรัฐบาลครับ เพราะท่านมอบลิขสิทธิ์ให้ไปจัดพิมพ์เพื่อนำรายได้เข้าบำรุงสวัสดิการข้าราชการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หลังจากหักค่าจัดพิมพ์แล้วทุกบาททุกสตางค์บอกไว้ว่าราคาเล่มละ ๓๐๐ บาท และเกริ่นว่าเป็นภาคต่อของชุด “ลงเรือแป๊ะ” ที่เคยขายดีมาแล้วเล่มที่ ๒ “ชีวิตดั่งหาดทรายและทะเล” ฟังเหมือนชื่อเพลงของ “พี่เบิร์ด” ธงไชย แม็คอินไตย์ แต่เป็นเรื่องราวประวัติชีวิตของผู้เขียน ซึ่งเคยมีผู้ใหญ่ (มาก) ท่านหนึ่งดูดวงให้แล้วบอกว่าชีวิต “ด็อกเตอร์วิษณุ เครืองาม” ก็จะประมาณนี้แหละผมชอบเล่มนี้ครับ เพราะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ “อัตประวัติ” หรือชีวิตของบุคคลต่างๆอยู่แล้วจึงอ่านรวดเดียวจบในวันแรกที่ได้รับหนังสือที่ท่านส่งมาให้ผมที่โรงพิมพ์ทางไปรษณีย์และลงมือจ่าหน้าซองถึงผมด้วยลายมือท่านเองทำให้ผมอดคิดขึ้นมาแว่บหนึ่งมิได้ว่า ออกจาก “เรือแป๊ะ” และ “บ้านเลขที่ ๑ ถนนพิษณุโลก” มาแค่ ๓ เดือน…ท่านรองต้องโดดเดี่ยวเดียวดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ จะหาเลขานุการสักคนพิมพ์ให้ก็ไม่มี…ต้องเขียนด้วยมือตนเองแต่ผมก็ตัดหน้าซองเฉพาะที่เป็นลายมือท่านเก็บเอาไว้เรียบร้อยนะครับ เผื่อจะมีค่าและขายได้ในอนาคตที่ผมชอบหนังสือเล่มนี้ก็เพราะท่านเขียนเล่าแบบเรื่อยๆมาเรียงๆให้ทราบว่าท่านเกิดที่ไหน? โตที่ไหน? เรียนที่ไหน? เรียนอย่างไร? จบมหาวิทยาลัยอะไรในเมืองไทย? และจบมหาวิทยาลัยอะไรที่เมืองนอก?สรุปสั้นๆก็คือ ท่านเกิดที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จบมัธยมต้นจากโรงเรียน แสงทองวิทยา จบมัธยมปลายจาก โรงเรียนพระโขนง จบนิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมดีมาก จาก ธรรมศาสตร์ และจบปริญญาเอกด้านกฎหมายได้รับปริญญา J.S.D. จาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (เบิร์กลีย์)เป็นลูกคนธรรมดาสามัญรายได้ระดับปานกลางครอบครัวหนึ่งของหาดใหญ่ มิใช่มาจากครอบครัวร่ำรวยหรือนายหัวปักษ์ใต้แต่อย่างใดที่น่าสังเกตก็คือโรงเรียนมัธยมปลายที่ท่านเรียน อันได้แก่ โรงเรียนพระโขนง ที่ผมแทบไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนนั้น ทำให้ผมเชื่อมั่นในทฤษฎีที่เด็กจะเก่งในด้านใด ไม่ว่าการเรียน การกีฬา หรือการอาชีพ ย่อมจะต้องมีพรสวรรค์อยู่ในเรื่องนั้นๆเป็นทุนอยู่แล้วจากนั้นเมื่อขวนขวายฝึกเพิ่มเติมหรือเรียนเพิ่มเติมก็จะเก่งหรือเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นผมก็เดาว่า ด็อกเตอร์วิษณุซึ่งเรียนเก่งอยู่แล้ว คงจะขวนขวายและช่วยตัวเองอย่างมาก ด้วยการอ่านเพิ่มเติมเรียนเพิ่มเติมจนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยดังของประเทศไทยได้อย่างน่าภูมิใจ และยังไปไกลถึงมหาวิทยาลัยระดับท็อปของสหรัฐฯอย่าง เบิร์กลีย์ อีกด้วยเนื้อที่ผมน่าจะหมดแล้ว เขียนอะไรยาวๆมากกว่านี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เอาเป็นว่าขอต้อนรับท่านอาจารย์จาก “เรือแป๊ะ” “เรือเหล็ก” และบ้านเลขที่ ๑ ถนนพิษณุโลก มาสู่ถนนสายทั่วไปและบ้านเลขที่อะไรก็ได้ของประเทศไทยด้วยความยินดีอย่างยิ่งเปลี่ยนจาก “เนติบริกร” มาเป็น “อักขระบริกร” หรือ “อักษรบริกร” เขียนหนังสือไปเรื่อยๆ ให้ความรู้ให้ความสุขแก่ประชาชนชาวไทยอย่างนี้ดีแล้วครับท่านรองฯ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม