ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี พิพากษาคดี “จูน” ภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย “หนุ่ม กะลา” นักร้องดัง ฟ้องสาวมือที่ ๓ ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามี เรียก ๑๐ ล้าน ศาลสั่งจ่ายเงินจำนวน ๔ ล้านบาท รวมดอกเบี้ยตามกฎหมาย ฝ่ายโจทก์บอกพอใจตามนี้ หากอีกฝ่ายยอมจ่ายก็จบ ส่วนความสัมพันธ์กับสามี ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่พ่อแม่ของลูก เคลียร์กันจบ เพียงแต่ไม่ได้เซ็นใบหย่าเท่านั้นจากกรณี “จูน” นางเพ็ญชุลี หนูแก้ว ภรรยา นายณพสิน แสงสุวรรณ หรือ “หนุ่มกะลา” ฟ้องร้องหญิงสาวคนใหม่ของนักร้องดัง ซึ่งเป็นบุคคลที่ ๓ เข้ามายุ่งเกี่ยวเชิงชู้สาวกับสามี “หนุ่ม กะลา” เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน ๑๐ ล้านบาท ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี โดยได้มีการนัดรอฟังคำพิพากษาในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๗ นั้น ในเวลา ๑๐.๓๐ น. วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี “จูน” เพ็ญชุลี หนูแก้ว และทนายความ ได้เดินทางมารับฟังการพิจารณาคดีฟ้องมือที่สามของ “หนุ่ม กะลา” หรือ “นายณพสิน แสงสุวรรณ” นักร้องชื่อดังวงกะลา ที่มีเรื่องฟ้องร้องกันจนเป็นประเด็นที่หลายคนติดตาม ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ ๔๕ นาที ทางคณะที่ประกอบด้วยคณะทนายความ ๓ คน และ “จูน” ได้เดินทางลงมาจากศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี พร้อมกับได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่เดินทางมารอทำข่าวแต่เช้า ทนายพัฒน์ กล่าวว่า จากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเห็นควรให้คู่กรณีชดใช้เงิน จำนวน ๔ ล้านบาท รวมค่าดอกเบี้ยตามกฎหมาย ซึ่งการรับฟังคำพิพากษาในวันนี้ ทางหญิงสาวที่เป็นจำเลยไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วย เพียงแต่มีเสมียนทนายฝ่ายจำเลยที่มารับฟังเท่านั้น ซึ่งความจริงมีการเจรจาเบื้องต้นกันตั้งแต่แรก แต่คดีไม่สามารถตกลงกันได้ ด้าน จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว เผยว่ารู้สึกพอใจในคำตัดสินของศาล ตนเองถือว่าจบ ส่วนจะฝากอะไรถึงคู่กรณีหรือไม่ จูนตอบว่า ตอนที่เขาโพสต์ ตอนฟ้องคนอื่นแล้วบอกว่า “ทุกการกระทำมีราคาที่ต้องจ่าย” วันนี้คู่กรณีเองคงรู้แล้วว่า ราคาที่เขาต้องจ่ายคือเท่าไร ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสามีหนุ่มนั้น คงเหลือเพียงพ่อและแม่ของลูกเท่านั้น เพราะทางกฎหมายเราไม่ได้หย่าขาดกัน เขาก็ยังมาดูแลลูกอยู่ และความสัมพันธ์ก็ไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว เราก็พยายามทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้มีการทะเลาะหรือเถียงอะไรกันแล้ว เพราะมันเคลียร์กันจบ เพียงแต่ไม่ได้เซ็นใบหย่าเท่านั้นเอง ส่วนต่อจากนี้ไปก็ต้องมาจัดการเรื่องครอบครัวต่อไปว่าจะเอาอย่างไร ส่วนการฟ้องคู่กรณีซึ่งเป็นมือที่สาม เราไม่ได้คุยกัน แต่เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า เมื่อมาถึงจุดนี้เราจะต้องทำอะไรบ้าง สำหรับผลการพิจารณาคดี ทนายพัฒน์ บอกว่า ต้องมาดูกันต่อว่าจะถึงที่สุดหรือไม่ รวมทั้งคู่กรณีจะอุทธรณ์ ฎีกาหรือไม่ หากจำเลยไม่พอใจคำตัดสินของศาล และอุทธรณ์ก็อาจต้องมีการบังคับคดี แต่ถ้าคู่กรณีมีการจ่ายเงินตามที่ศาลพิพากษาก็ยินดี จ่ายก็จบ ไม่จ่ายก็ต้องมีการบังคับทางกฎหมาย ทนายพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
