บนสมมติฐานรัฐบาลชุดนี้อยู่ครบเทอม ๔ ปี…จากนั้นก็ต้องมีการเลือกใหม่ความเป็นไปได้มากที่สุด พรรคการเมืองที่จะเป็นคู่ชิงสูงพรรคอันดับ ๑ ได้เสียงมากที่สุดคงเป็น “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล”ในสนามเลือกตั้ง “เพื่อไทย” จะมี “อุ๊งอิ๊ง” นำทัพ หากรัฐบาลชุดปัจจุบันทำผลงานได้ดี ถือว่ามีแต้มต่อโดยปริยาย เพราะ “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้านเว้นแต่ “ก้าวไกล” จะแสดงฝีมือให้ปรากฏในความเป็นค้าน เชิงรุกที่มีคุณภาพเข้าตาประชาชนก็คงจะก้ำกึ่งกันได้“อุ๊งอิ๊ง” นั้นมีพลังภายในสูง เนื่องจากเป็นหัวหน้าพรรคที่มีคะแนนนิยมพื้นฐานค่อนข้างดีอยู่แล้ว เป็นคนรุ่นใหม่แต่มี “พี่เลี้ยง” ที่มีประสบการณ์นับว่าเป็นแรงส่งอย่างดีแต่ข้ออ่อนก็คือ ขาดความรอบรู้และเชี่ยวชาญทางการเมืองไม่ต่างไปจากคนในพรรค “เพื่อไทย” ซึ่งเป็นนักการเมืองหัวเก่า เป็นส่วนใหญ่ ที่มี “บ้านใหญ่” เป็นแกนหลัก“เพื่อไทย” จึงอุดมไปด้วยนักการเมืองอาชีพที่มุ่งเอาชนะเลือกตั้ง ยึดกุมอำนาจรัฐ ไม่ได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดวันนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “นีโอคอนเซอร์เวทีฟ” เป็นหัวเก่าแต่ก้าวหน้าที่สุดในพวกเดียวกัน เพราะมีนักการเมืองรุ่น ๑๔ ตุลาฯ เข้ามาเป็นพลังสำคัญทำให้ไม่มีแนวคิดเชิงปฏิรูปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่เน้นยํ้านโยบายเพื่อหวังผลให้ชนะการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตามนโยบายเชิงประชานิยมจึงเป็นแนวทางหลักสร้างความพึงพอใจแต่ในระยะเวลาไม่นานนักแล้วก็คิดนโยบายใหม่ในลักษณะเดียวกันเป็นชุดความคิด“ก้าวไกล” เป็นพรรคการเมืองใหม่ก็จริง แต่มี “อุดมการณ์” การเมืองที่ชัดเจน นั่นคือต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมปรับโครงสร้างของประเทศใหม่เพราะพวกเขาเชื่อว่าถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็แก้ไขปัญหาไม่ได้แนวคิดคือ การมุ่งให้ประชาชนเข้ามามีบทบาทในการปกครอง การบริหารประเทศ ด้วยการกระจายอำนาจไม่ใช่รวมศูนย์เอาไว้ที่ส่วนกลางให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ และเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับที่กำลังทำอยู่คือ การส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งนายก อบจ.และ สท. ไล่ลงไปก็เทศบาล และ อบต. เพื่อสร้างคะแนนนิยมในระดับท้องถิ่นชิงกับ “บ้านใหญ่” ของ “เพื่อไทย”ประเด็นสำคัญก็คือ การเลือกตั้งจะไม่ใช้เงินเพื่อซื้อเสียงเพื่อสร้างความนิยม แต่จะใช้แนวคิดทางการเมืองที่ชัดเจนด้วย “อุดมการณ์” ทำให้เกิดความเชื่อมั่นเชื่อถือจนเกิดความศรัทธาจึงไม่แปลกการเลือกตั้งที่ผ่านมาพวกเขาประสบความสำเร็จได้รับเลือกเป็นพรรคอันดับ ๑ แม้ชนะ “เพื่อไทย” คะแนนไม่ห่างกันมากนักก็ตามนั่นแสดงว่าประชาชนเริ่มตื่นรู้ทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งมิใช่คนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่คนรุ่นเก่าที่เห็นว่าการเมืองแบบเก่าไม่สามารถ แก้ปัญหาของประเทศได้นับวันก็จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆหากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งใหม่แนวคิดทางการเมืองแบบใหม่ได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้น โดย “ก้าวไกล” สร้างความเชื่อถือมากขึ้นไปด้วยนั่นแหละจะทำให้พวกเขาชนะเลือกตั้งและเป็นแกนนำรัฐบาลได้!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts