เสมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางวง ขณะที่โครงการแจกเงินหมื่นของรัฐบาลกำลังเดินหน้า นัดประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม แต่ต้องยกเลิกการประชุมอย่างกะทันหัน เมื่อมีการเผยแพร่ผลการศึกษาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ระบุว่าโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตให้ผู้ที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ๕๐ ล้านคน คนละหมื่นบาทรวมเป็นเงิน ๕ แสนล้านบาท เป็นโครงการที่เสี่ยงต่อการทุจริต เสี่ยงต่อการก่อความเสียหายเศรษฐกิจ และเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายหลายฉบับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี จึงต้องสั่งเลื่อนการประชุมรองนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่ารัฐบาล ได้รับฟังความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้มีความเห็นของ ป.ป.ช. เข้ามาอีก จึงต้องรอพิจารณาร่วมกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่าผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการของ ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งให้รัฐบาล ป.ป.ช.มีหน้าที่เพียงแค่แนะนำมีรายงานข่าวว่ารายงานของ ป.ป.ช. เป็นข้อเสนอแนะถึง ๕๘ หน้า เป็นผลของการฟังความเห็นของหน่วยงานเศรษฐกิจ นักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่าโครงการแจกเงินหมื่น มีช่องโหว่ที่เสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย บ่งชี้ข้อมูลหาเสียงที่ไม่มีความพร้อม ทั้งด้านเศรษฐกิจและกฎหมายเป็นโครงการที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น การกำหนดเงื่อนไขการขึ้นเงินของร้านค้า อาจถือประโยชน์บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ต้องศึกษาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ว่าผู้ได้ประโยชน์ไม่ใช่พรรค การเมือง ต้องกระจายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ไม่มีการเสี่ยงรับจ้างลงทะเบียนร้านค้า เพื่อเลี่ยงภาษีหรือฟอกเงินเอกสารของ ป.ป.ช. ถามว่าการกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท มาแจกให้ ๕๐ ล้านคน โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะรัฐบาลจะต้องกู้เงินมาแจก ขณะที่คณาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ฟันธง ว่าภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ไม่เข้าข่ายวิกฤติ สภาพัฒน์ประเมินว่าเศรษฐกิจจะโต ๒.๕%สว.บางคนเสนอให้รัฐบาลยกเลิกรายการ เพราะเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายคล้ายกับคำวินิจฉัยโครงการรับจำนำข้าว ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีเสียงเตือนจากหลายฝ่าย แต่รัฐบาลยังเดินหน้าจนโครงการพังต้องเป็นหนี้หลายแสนล้านบาท ใช้หนี้ยังไม่หมดจนถึงปัจจุบัน แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะเดินหน้า.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม
Related posts