โจ ไบเดน ยืนยัน จะโจมตีกบฏฮูตีในเยเมนต่อ แม้ยอมรับว่า อาจไม่ช่วยหยุดการโจมตีในทะเลแดงของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ก็ตามสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ม.ค. ๒๕๖๗ ว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ต่อกบฏฮูตี ในประเทศเยเมน จะดำเนินต่อไป แม้จะยอมรับว่าการทำเช่นนี้อาจไม่ทำให้ฮูตีหยุดการโจมตีในทะเลแดงก็ตาม“อืม ถึงคุณจะบอกว่าได้ผล แต่มันหยุดฮูตีมั้ย? ก็ไม่” ไบเดนบอกกับผู้สื่อข่าว ก่อนเดินทางไปกล่าวปราศรัยในรัฐนอร์ท แคโรไลนา “แล้วการโจมตีจะดำเนินต่อไปมั้ย? ใช่”คำพูดของไบเดนเกิดขึ้นหลังจาก กองทัพสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศครั้งที่ ๕ เข้าใส่ดินแดนที่กบฏฮูตียึดครองในเยเมนเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อตอบโต้หลังเรือสินค้าแบบเทกองของสหรัฐฯ ถูกโดรนของฮูตีโจมตีขณะเดินทางในทะเลแดง ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพเรืออินเดียนายจอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า การโจมตีของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในวันพุธและอีกครั้งในวันพฤหัสบดี โดยสามารถทำลายมิสไซล์จำนวนหนึ่งของกบฏฮูตี ที่กำลังจะถูกยิงเข้าสู่ทะเลแดงได้สำเร็จด้านกองบัญชาการภาคกลางของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งดูแลปฏิบัติการในตะวันออกกลาง ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในวันพฤหัสบดีพวกเขาดำเนินการโจมตีมิสไซล์ต่อต้านเรือของกบฏฮูตี ๒ ลูก ที่กำลังเล็งเป้าไปยังน่านน้ำทางตอนใต้ของทะเลแดง และกำลังจะถูกยิงออกไป“กองทัพสหรัฐฯ พบมิสไซล์ดังกล่าวในดินแดนที่ฮูตีควบคุมในเยเมน เมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๔๐ น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ลงความเห็นว่านี่เป็นภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อเรือสินค้าและเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในภูมิภาค” กองบัญชาการภาคกลางระบุ “กองทัพสหรัฐฯ จึงดำเนินการโจมตี และทำลายมิสไซล์ดังกล่าวเพื่อป้องกันตนเอง”นางซาบรินา สิงห์ รองโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการสงคราม “เราไม่ได้กำลังทำสงครามกับฮูตี มาตรการที่เราใช้มีจุดประสงค์เพื่อการป้องกัน”ในวันพฤหัสบดีเช่นเดียวกัน อับดุล มาลิค อัล-ฮูตี ผู้นำกบฏฮูตีกล่าวปราศรัยถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์นาน ๑ ชั่วโมง ระบุว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เผชิญหน้าโดยตรงกับอิสราเอล, สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร “ความก้าวร้าวต่อประชาชนที่รักของเรา คือการละเมิด, การรุกราน และการรุกล้ำอธิปไตยของเยเมนโดยตรง และเป็นการโจมตีชาวเยเมนโดยตรง”ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : bbc
