Friday, 20 September 2024

"สมศักดิ์" มอบ ๕ กระทรวงคุมโรงงานพลุ ปรับแก้ประกาศป้องกันเหตุซ้ำรอย

20 Jan 2024
108

“สมศักดิ์” มอบ ๕ กระทรวง ปรับแก้ประกาศควบคุมโรงงานพลุ ขีดเส้น ๗-๑๐ วัน ต้องส่งกลับก่อนเคาะส่งนายกฯ พร้อมเร่งรัดหน่วยงานสรุปผลเสียชีวิต หวังเบิกเงินเยียวยาให้รวดเร็วเมื่อวันที่ ๑๙ ม.ค. ๖๗ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายปกครองท้องที่ ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมแนวทางการบริหารจัดการการอนุญาตให้ทำและค้าดอกไม้เพลิง การเยียวยา และแนวทางการแก้ไขในอนาคตtt ttโดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้แนวทาง และข้อห่วงใย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเติม ทั้งในเรื่องพลุ และสถานที่เก็บวัตถุอันตราย ซึ่งมีหลายหน่วยงานมาร่วมประชุมในวันนี้ โดยมีข้อสรุปการแก้ปัญหาที่จะบูรณาการทำงานไม่ให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกทั้งนี้ เรื่องของการเยียวยาหากยังไม่ได้ใบมรณบัตรครบถ้วน จะยังไม่สามารถเยียวยาได้ครบทุกคน แต่คาดการณ์ว่าการออกใบมรณบัตรจะออกได้ครบภายในวันนี้ ส่วนการให้คำปรึกษาเรื่องผู้จัดการมรดก เพราะเงิน หรือทรัพย์สินที่จะได้จากหน่วยงานต่างๆ แต่ละรายจะได้ไม่เท่ากัน หากบางคนมีบุตรยังเรียนหนังสืออยู่อายุไม่เกิน ๒๕ ปี อาจจะได้อีก ๕ หมื่นบาท หรือบางคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวอาจจะได้เพิ่มประมาณ ๓ หมื่นบาท และส่วนที่มีความล่าช้าอยู่อีกส่วน คือ การตรวจดีเอ็นเอ เพราะสภาพร่างบางรายไม่ชัดเจน จำเป็นต้องมีการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งเราก็อยากให้เร็ว แต่ยังติดเรื่องการรอตรวจดีเอ็นเอ เพราะนายกฯ เป็นห่วงเรื่องการชดเชยจึงได้เร่งรัดมาtt ttนายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการบูรณาการกฎหมายว่าจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไรนั้น เพราะระยะหลังเหตุโรงงานพลุระเบิดเกิดขึ้นทุกปี จากการตรวจสอบพบว่าหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องมี ๕ กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ประกาศที่ออกมาเป็นประกาศรวม ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรมีการปรับประกาศของทั้ง ๕ กระทรวงหลัก นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้ กระทรวงอุตสาหกรรม ไปดูประกาศ และจัดทำร่างกฎหมายเพื่อให้ส่วนรวมได้พิจารณาอีกครั้งว่าโรงงานประเภทที่มีกำลังน้อยกว่า ๕๐ แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า ๕๐ คน ซึ่งไม่เข้าข่ายในการควบคุมของกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปปรับร่างกฎหมายว่าจะควบคุมอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้เวลา ๗-๑๐ วัน ให้ส่งกลับมาที่ตน เพื่อที่ตนจะส่งให้นายกฯ พิจารณาเมื่อถามว่า จะมีการหารือกับกระทรวงแรงงานในการพิจารณาทำประกันชีวิตให้คนงานในโรงงานพลุหรือไม่ เนื่องจากมีความเสี่ยง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยคุยแล้ว แต่จะฝากผู้เกี่ยวข้องไปดูว่าจะขัดกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่อย่างไร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมวันนี้ด้วย แต่ก็มีการฝากเรื่องไปแล้วtt ttด้านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เราดำเนินการตามประกาศกระทรวงเกี่ยวกับโรงงาน โรงประกอบการ สถานที่จำหน่าย และสถานที่เก็บว่าต้องมีลักษณะอย่างไร รวมถึงการกำกับดูแลต่างๆ เป็นไปตามประกาศตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ดังนั้นรองนายกฯ จึงมีดำริให้ปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยทาง ๕ กระทรวงจะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมวันนี้ ส่วนการปรับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๓๕ ปัจจุบันจะครอบคลุมเฉพาะโรงงานเกิน ๕๐ คน และเกิน ๕๐ แรงม้า ซึ่งขณะนี้ในประเทศมี ๘ โรงงานที่อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัตินี้ ส่วนอีก ๔๒ โรงงานไม่ได้อยู่ในกำกับของกระทรวงอุตสาหกรรม การจะเข้าไปตรวจสอนั้นเราจึงจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเข้าตรวจสอบ ๔๒ โรงงาน ที่ พระราชบัญญัติฉบับนี้ควบคุมไม่ถึงขณะที่ รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ในส่วนของกรมการปกครองรับผิดชอบตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ ซึ่งพลุเป็นส่วนประกอบของดอกไม้เพลิง นอกจากนี้ยังมีอนุบัญญัติเกี่ยวกับดอกไม้เพลิงหลายฉบับ ที่กำหนดการจัดเก็บพลุ รวมถึงมีหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังนายอำเภอ ให้ตรวจสอบสถานที่จำหน่าย สถานที่จัดเก็บ และโรงงานผลิตดอกไม้เพลิง ซึ่งจากข้อมูลของกรมการปกครองมีผู้ขออนุญาตจำหน่าย ผลิต และนำเข้าดอกไม้เพลิงกว่า ๑,๒๐๐ แห่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าเฉพาะฤดูกาล ส่วนโรงงานผลิตมีจำนวนน้อยมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือสั่งการไปยังนายอำเภอ เพื่อให้ออกไปตรวจตราตามอนุบัญญัติที่ออกตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้ พร้อมกับประกาศของ ๕ กระทรวงข้างต้น ส่วนที่ต้องปรับปรุงต้องดูปัจจัยหลายเรื่อง ทั้งจำนวนสารเคมี ระยะห่างจากชุมชนในสถานที่ตั้ง เป็นต้นรองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวด้วยว่า จากข้อของหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) พบว่า ในส่วนของโรงงานพลุที่ระเบิดพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ในส่วนของโรงงานมีหลายสัดส่วน ทั้งส่วนการผลิต ครัวทำอาหาร รวมถึงที่จัดเก็บสารเคมีในการทำพลุ ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน ขณะเดียวกันยังมีอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือ พัดลม เครื่องปรับอากาศอยู่ในบริเวณเดียวกัน จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามาจากสาเหตุใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งเราต้องรอแต่มองว่าในบริเวณดังกล่าวไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้อยู่ นอกจากนี้จะให้นายอำเภอไปตรวจสอบทุกแห่งที่มีการทำพลุ ทั้งที่ขึ้นทะเบียน และไม่ขึ้นทะเบียน บางที่ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเพราะคิดว่าใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการผลิตพลุ ขณะที่โรงงานขนาดเล็กกฎหมายก็เอื้อมไม่ถึง ก็ต้องไปแก้กฎหมาย ส่วน พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการแก้ไข ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการขออนุญาต และการเพิ่มบทลงโทษ.