“ชวลิต” กมธ.งบประมาณ ๒๕๖๗ สัดส่วนไทยสร้างไทย จี้รัฐบาลเพิ่มงบค่าอาหารในศูนย์ผู้สูงอายุของ พม. หลังได้รับงบเพิ่มแค่ ๓ บาท เป็น ๖๐ บาทต่อวัน ตกมื้อละ ๒๐ บาท พร้อมแนะแก้ไขเบิกจ่ายแพมเพิร์สผู้ใหญ่ให้สะดวกขึ้นด้วยวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ จากพรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นในการพิจารณางบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในส่วนของกรมกิจการผู้สูงอายุ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๖๖๗ ที่ผ่านมา โดยสรุปดังนี้ว่า ๑. ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ ซึ่งมีอยู่ ๑๒ แห่งทั่วประเทศ เดิมได้รับงบประมาณค่าอาหาร วันละ ๕๗ บาท รวม ๓ มื้อ ตกมื้อละไม่ถึง ๒๐ บาท เป็นเวลา ๑๐ ปีติดต่อกัน มาปีนี้ได้รับงบเพิ่มขึ้น ๓ บาท เท่ากับเพิ่มเพียงมื้อละ ๑ บาท หรือเท่ากับได้ค่าอาหารมื้อละ ๒๐ บาทเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับการจะซื้ออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้สูงอายุ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มงบให้ซื้อไข่ได้สัก ๒ ฟอง/วัน ก็จะทำให้ผู้สูงอายุได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น๒. ผู้สูงอายุที่มาขอรับบริการอยู่ในศูนย์ฯ จำนวนประมาณ ๑ ใน ๓ เป็นผู้ป่วยติดเตียง จึงควรมีอัตราพยาบาลวิชาชีพดูแล ไม่ใช่ให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้รับการศึกษามาด้านนี้เป็นผู้ดูแล นอกจากนี้ เมื่อมีผู้ป่วยติดเตียงจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้แพมเพิร์สมากตามไปด้วย แต่ไม่สามารถตั้งงบประมาณจัดซื้อได้ เพราะเป็นวัสดุสิ้นเปลือง จึงควรแก้ไขให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยสะดวก เพราะต้องใช้ทุกวัน๓. ในศูนย์ผู้สูงอายุฯ จะมีผู้สูงอายุถึงแก่กรรมตามอายุขัย ยกตัวอย่างศูนย์ผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม ถึงแก่กรรมเฉลี่ยเดือนละ ๑ คน พม. จึงควรสนับสนุนการจัดการศพ และการประกอบพิธีทางศาสนาแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติให้ทันกับการประกอบพิธีทางศาสนาดังกล่าวทั้งนี้ จำนวนผู้สูงอายุที่มาใช้บริการของ พม. จำนวน ๑๒ แห่งในปัจจุบันมีไม่ถึง ๑,๕๐๐ คน เมื่อพิจารณาในภาพรวมเห็นได้ว่า รัฐบาลใช้งบประมาณสนับสนุนไม่มากนัก ดังนั้น เมื่อมีการปรับลดงบประมาณในภาพรวมของทุกกระทรวง รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุด้วยการจัดงบประมาณสนับสนุนศูนย์ผู้สูงอายุทั้ง ๑๒ แห่ง ให้เพียงพอกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในระยะยาว ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พม. ควรประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทำงานเชิงรุกด้วยการสนับสนุนให้ชุมชน ท้องถิ่น มีความเข้มแข็งในตนเองในการดูแลผู้สูงอายุในตำบล หมู่บ้าน เช่น ให้มีศูนย์ผู้สูงอายุ ที่สามารถฝึกอาชีพ ประกอบอาชีพ ตามสภาพร่างกายมีนันทนาการ ดนตรี กีฬา อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย และมีการตรวจสุขภาพประจำปี ก็จะสามารถช่วยลดจำนวนผู้สูงอายุที่จะมาใช้บริการของ พม.ลง ยกเว้นผู้สูงอายุอนาถาที่ไร้ญาติขาดมิตร ที่ พม.จะต้องดูแลให้ครบวงจรอย่างมีคุณภาพ.
“ชวลิต” จี้รัฐบาลเพิ่มงบค่าอาหารศูนย์ผู้สูงอายุ หลังปรับขึ้นแค่ ๓ บาทต่อวัน
Related posts