Thursday, 19 December 2024

“ต่อศักดิ์” สั่งกร้าวกวาดโจ๋ป่วนเมือง ระดมทีมปพ. ลุยล้างทั่วปท. ให้หมดใน ๑ เดือน

23 Jan 2024
165

“บิ๊กต่อ” กร้าว สั่งทุกโรงพักทั่วประเทศระดมกำลังท้องที่ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษกวาดล้างแก๊งโจ๋อันธพาลให้สิ้นซาก เดดไลน์ภายใน ๑ เดือน อย่าให้ออกมาอาละวาดป่วนเมือง สร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านอีก ขณะที่วัยรุ่นเมืองลุงซ่าไม่เลิก ปาหินใส่กระจกหน้ารถกระบะแตก ล็อกทันควัน ๔ คน อ้างนึกสนุกคึกคะนองไม่มีอะไรจะทำ ตำรวจนนทบุรีตะครุบ “ตี๋ ท่าทราย” หัวหน้าแก๊งทรายทอง สั่งสมุนกระทืบเด็กชาย ๒ คน เจ้าตัวยอมรับทำจริงปัญหากลุ่มวัยรุ่นคึกคะนองชอบใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ตีรันฟันแทงทำร้ายร่างกายกันบาดเจ็บล้มตาย และลุกลามไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ส่งผลกระทบต่อสังคมในภาพรวมเป็นวงกว้าง เกิดพฤติกรรมเลียนแบบไปทั่วประเทศ มีแก๊งวัยโจ๋ออกอาละวาดหลายพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมอย่างรุนแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งวางมาตรการป้องกัน พร้อมสั่งกวาดล้างแก๊งวัยรุ่นอันธพาลทั่วประเทศอย่างจริงจังให้เสร็จสิ้นเด็ดขาดภายใน ๑ เดือนที่ห้องประชุมซีบอร์ด ๓ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีการประชุมผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ (สัญจร) ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑-๙ มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นประธาน ก่อนการประชุม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่าประเด็นหลักวันนี้ เน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติตำรวจใหม่ปี ๒๕๖๕ และ พระราชบัญญัติอุ้มหายฯ พ.ศ.๒๕๖๖ เพื่อสร้างความเข้าใจไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายว่า การทำงานของตำรวจต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย มีแนวทางปฏิบัติ ต้องทำให้ถูกต้อง จะมาใช้ความรู้สึกเดิมไม่ได้ หรืออ้างว่าไม่รู้ข้อกฎหมายไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน วันนี้จะเป็นการประชุมรวมทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำว่าการใช้ดุลพินิจเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการสืบสวนสอบสวน แต่การสืบสวนยุคใหม่ต้องมีพยานหลักฐานที่ถูกต้อง รอบคอบ หากรวดเร็วเกินไปจะเกิดข้อผิดพลาดพล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของ กองบัญชาการตำรวจภูธร๒ จะเน้นย้ำเรื่อง พระราชบัญญัติอุ้มหายฯ ต้องเอาพนักงานสอบสวนมาอบรมใหม่ ไม่ปล่อยให้ไปทำหน้าที่ตามยถากรรม ต้องให้ความรู้กับตำรวจเรื่องนี้ และไม่ใช่เฉพาะแค่ภาค ๒ เท่านั้น แต่ต้องให้ทั้งประเทศปฏิบัติตามได้ ในเรื่องของเยาวชน ยืนยันว่าไม่ใช่การห้ามไม่ให้เยาวชนออกจากบ้านหลัง ๔ ทุ่ม แต่เป็นการสั่งการให้ทุกภาค ทุกโรงพัก ในรอบ ๑ เดือนนับจากนี้ ให้ระดมกวาดล้างกลุ่มเยาวชนที่รวมกลุ่มตั้งตัวเป็นอาชญากรย่อมๆ ออกไปตระเวนก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ พร้อมทั้งให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ลงไปร่วมกับทุกโรงพัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ ผบ.ตำรวจจะสั่งให้ตำรวจทุกโรงพักทั่วประเทศ ระดมกวาดล้างแก๊งวัยรุ่นอย่างเด็ดขาด แต่ยังมีกลุ่มเยาวชนเกเรไม่เกรงกลัวกฎหมาย ออกอาละวาดป่วนเมืองยามค่ำคืนหลายพื้นที่ เริ่มที่ จ.พัทลุง ตี ๒ เศษวันเดียวกัน ร.ต.อ.ปัญญา แก้วมุสิก รอง สารวัตรปราบปรามสภ.เมืองพัทลุง พร้อมสายตรวจ จับเยาวชนชายอายุ ๑๔-๑๕ ปี รวม ๔ คน ในหมู่บ้านเอื้ออาทร หลังก่อเหตุใช้ก้อนหินขว้างปาใส่รถกระบะโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บธ ๖๘๒ ตรัง กระจกบานหน้าแตก เหตุเกิดบนถนนสายมโนราห์ เส้นบายพาสมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองพัทลุง หมู่ ๘ ต.ควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง สอบถามเด็กๆยอมรับสารภาพ บอกว่านึกสนุกเลยชวนกันมาก่อเหตุเพราะไม่มีอะไรจะทำ นำตัวไป สภ.เมืองพัทลุง เพื่อทำประวัติและแจ้งข้อกล่าวหา “เจตนาทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์” พร้อมเรียกผู้ปกครองมารับทราบพฤติกรรมต่อไปจ.อุตรดิตถ์ พ.ต.ท.พีรพล จำนงค์จิตร สว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุตรดิตถ์ สอบปากคำนายสิทธินนท์ เพ็ชรจุ้ย อายุ ๑๘ ปี ผู้เสียหาย หลังเมื่อค่ำวันที่ ๒๐ ม.ค. ขณะขี่รถ จยย.มากับเพื่อน ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ใช้มีดยาว ๑ ฟุต ไล่ฟันตรงจุดกลับรถตรงข้ามประตูทางเข้า ร.ร.อุตรดิตถ์ ถนนอินใจมี ต.ท่าอิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ คมมีดถูกใบหูข้างซ้ายหวิดขาด และยังรุมกระทืบ พลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ผ่าตัดเย็บใบหูแล้วจ.เชียงใหม่ นายนภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ ๑๖ ปี ผู้เสียหาย พร้อม น.ส.นก (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ ๓๘ ปี มารดา ลงพื้นที่แยกไฟแดงแม่คาว อ.สันทราย เพื่อตามหาภาพวงจรปิดจากร้านค้าในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากภาพวงจรปิดที่มีอยู่เป็นภาพมุมสูง ถ่ายค่อนข้างไกล บันทึกหน้าตาคนก่อเหตุได้ไม่ชัดเจน นายนภัทร เล่าว่า วันที่ ๑๗ ม.ค. เวลา ๑๖.๒๐ น. ขี่รถ จยย.ออกมาจากบ้านใน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จะไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง ขณะจอดติดไฟแดง ถูกชายวัยรุ่น ๒ คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน รุมทำร้ายจนต้องทิ้งรถวิ่งหนีตายไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน หลังคนร้ายขี่รถหนีไปแล้ว ย้อนกลับมาดูรถ จยย.ที่ล้มอยู่กลางถนน พบถูกทุบพังยับ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สันทราย ไว้แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นไทใหญ่ที่ออกอาละวาดในพื้นที่อยู่ขณะนี้จ.นนทบุรี นายพงษ์เพชร หรือฟิลม์ แก้วมหา วงศ์ อายุ ๑๗ ปี ผู้เสียหาย เข้าให้ปากคำกับ ร.ต.ท.ปิยะวัฒน์ นามมะ รอง สว. (สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ ว่า เมื่อตี ๑ วันที่ ๑๖ ม.ค. หลังเลิกงานขี่รถ จยย.กลับบ้านในซอยสามัคคีมากับเพื่อน ๒ คัน ๓ คน เมื่อมาถึงซอยประชาชื่น ๙/๑ หมู่บ้านประชานิเวศน์ ๒ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี มีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถ จยย.มา ๕ คัน ซ้อนท้ายกันมาคันละ ๒ คน รวม ๑๐ คน ชักปืนปากกาและมีดข่มขู่บังคับให้จอดรถ ก่อนรุมทำร้ายฟันมือและนิ้วก้อยมือขวาขาด ๑ ข้อ หลังเกิดเหตุไปรักษาตัวที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ก่อนเข้าแจ้งความแต่คดียังไม่คืบหน้าtt ttเวลา ๑๓.๓๐ น. พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รอง ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ นำกำลังจับนายปฎิภาณ ดวงเพียอ้ม อายุ ๑๙ ปี หรือตี๋ ท่าทราย หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นอันธพาล “แก๊งทรายทอง” อยู่บ้านเลขที่ ๑๐๙๔ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๕ แขวง-เขตบางพลัด กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ๓๓/๒๕๖๗ ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเจ็บสาหัส, พกพาอาวุธไปในเมืองฯโดยไม่มีเหตุสมควรฯ จับได้ที่ห้างโรบินสัน สาขาราชพฤกษ์ ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.รัตนาธิเบศร์พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนา ธิเบศร์ เปิดเผยว่า นายปฎิภาณ หรือตี๋ ท่าทราย ยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง และเป็นคนสั่งกระทืบ ด.ช.เพชร และ ด.ช.โอ จริง เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกหลอก ให้ไปอุ้มนายเพชรมาเพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องผู้หญิงกัน แต่ไม่สำเร็จ โมโหสั่งให้สมุนในแก๊งกระทืบ ด.ช.โอ และ ด.ช.เพชร ก่อนจะแยกย้ายกันไป ตรวจสอบข้อมูลแล้วผู้ต้องหาไม่มีประวัติอาชญากรรม แต่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งนี้ที่ไปทำร้ายคนอื่น กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งนี้ทำร้ายมาแจ้งความดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา“พฤติการณ์ที่สืบทราบยังไม่ถึงขั้นแก๊งสระแก้ว แต่ถ้าปล่อยไปอาจไปถึงจุดนั้นได้ ตำรวจเร่งลงพื้นที่หาข้อมูลว่าการเกิดเหตุเป็นของกลุ่มแก๊งใดบ้าง คิดว่าไม่ได้มีอยู่แค่แก๊งเดียว น่าจะมีกลุ่มอื่นด้วย จะต้องกวาดล้างอย่างจริงจัง เอาให้เรียบร้อยทั้งหมด แก๊งทรายทองเป็นเด็กในชุมชน ต.ท่าทราย เป็นชุมชนหนาแน่น ตี๋ ท่าทราย หัวหน้าแก๊งอยู่ในชุมชนนี้ด้วย กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชนที่ครอบครัวมีปัญหา รวมตัวชักนำกันไปในทางที่ผิด สร้างบารมีขึ้นมา ไปทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น คนที่กระทำความผิดในคดีนี้เท่าที่มีหลักฐานประมาณ ๗ คน จะตรวจสอบทั้งหมดว่ามีใครเพิ่มอีกเพื่อให้ครบถ้วน รวมทั้งข้อมูลที่เคยกระทำความผิดมาทั้งหมด เพื่อจะเอาให้หยุดไม่กล้าทำผิดอีก ส่วนผู้ปกครองจะถูกดำเนินคดีข้อหาปล่อยปละละเลยหรือไม่ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน” พ.ต.อ.พิสุทธิ์กล่าวจ.ชลบุรี ช่วงเช้า (วันเดียวกัน) พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมชุดสืบสวนคุมตัว ด.ช.ดิน วัย ๑๓ ปี ด.ช.วัฒน์ และ ด.ช.พัฒน์ วัย ๑๔ ปี นายวิน และนายณิ อายุ ๑๕ ปี (นามสมมติทั้งหมด) พร้อมมีดยาว ๕๐ ซม. ๑ เล่ม และมีดขอ ๑ เล่ม หลังร่วมกันปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยว มีผู้เสียหายหลายราย นายวิน เยาวชนที่ก่อเหตุรับว่า เมื่อคืนตอนตี ๓ ชวนกันออกมาเที่ยวเล่นในเมืองพัทยา มีนายแม็ก อายุ ๑๗ ปี และนายบีม อายุ ๑๖ ปี (นามสมมติทั้งคู่) ชักชวนให้มาปล้นเงินชาวต่างชาติ ทำสำเร็จมาแล้ว ๑ ครั้ง ได้เงิน ๑,๔๐๐ บาท แบ่งกัน ๗ คน คนละ ๒๐๐ บาท ไปแบ่งเงินกันในปั๊มน้ำมันย่านพัทยาใต้ ถัดมาอีก ๑ ชั่วโมง ก่อเหตุซ้ำอีก เป็นนักท่องเที่ยวชาวคูเวต ชื่อนายโมบารุค อาลี อายุ ๒๓ ปี แต่ไม่ได้เงินเพราะมีชาวบ้านเข้ามาช่วย ก่อนถูกตำรวจคุมตัวได้ เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา ต้องรอสอบสวนกลุ่มเยาวชนต่อหน้าสหวิชาชีพ พร้อมติดตามเยาวชนอีก ๒ คนที่ยังหลบหนี มาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่