Thursday, 19 December 2024

เปิดตัวทีมโฆษกเพื่อไทยชุดใหม่ “บรู๊ค” ย้ำ สื่อสารด้วยข้อมูลถูกต้องให้เร็วขึ้น

พรรคเพื่อไทยเปิดตัวทีมโฆษกชุดใหม่ “บรู๊ค ดนุพร” นำทัพสื่อสารเชิงรุก-เชิงลึก ย้ำ ข้อมูลต้องถูกต้องแม่นยำ ด้าน “ชนินทร์” ย้ำ กรณีเพื่อไทยเสนอให้ทำประชามติ ๒ ครั้ง หวังร่นระยะเวลาในกระบวนการ ช่วยลดงบได้ ๓-๔ พันล้านวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ นายดนุพร ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย นำแถลงเปิดตัวทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ได้แก่ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย, นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย, นางสาวชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายดนุพร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับครูไทยทั่วประเทศ หลังจากวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ยกเว้นมติ ครม. เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เว้นในส่วนที่เกี่ยวกับการอยู่เวรรักษาการณ์ของหน่วยงานราชการ ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น การรักษาความปลอดภัยให้โรงเรียน รักษาความปลอดภัยของครู ต้องควบคู่กัน โดยมติ คณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ทำให้เราคืนครูสู่ห้องเรียน ลดภาระงานที่ไม่ใช่หน้าที่สอนลงไปได้อีกอย่างหนึ่งtt ttทั้งนี้ การประชุมพรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ทุกวันอังคาร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ปรับรูปแบบการทำงานให้ใกล้ชิดและมีความใส่ใจในการรับฟังปัญหาที่ประชาชนทั้งประเทศที่สะท้อนมายัง สส.ของพรรคเป็นอย่างมาก โดยนางสาวแพทองธาร ได้เข้าร่วมการประชุมภูมิภาคทุกห้องย่อยประชุม ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมใหญ่ โดยในวันนี้ สส. พรรคเพื่อไทย ได้สะท้อนปัญหายาเสพติด ราคาพืชผลทางการเกษตร การแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทั้งจุดอ่อน จุดด้อย เพื่อที่จะได้ปรับปรุงการทำร่วมกันและประสานการทำงานกับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน เป็นการทำงานที่สอดรับกันในทุกมิติ ทั้งส่วนของพรรค ส่วนงานสภาผู้แทนราษฎร และฝ่ายบริหารอย่างเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวกัน สำหรับการปรับทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาเมื่อเป็นฝ่ายค้านเราทำงานเต็มที่ เมื่อเป็นรัฐบาลต้องแยกกันทำงานหลายกลุ่ม ทั้งในส่วนของทีมสื่อสารของพรรค และรัฐบาล โดยขณะนี้ทีมโฆษกพรรคได้ประสานข้อมูลกับทั้งโฆษกรัฐบาล โฆษกกระทรวงต่างๆ เพื่อทำงานในเชิงลึกในการพูดคุย หารือ และเตรียมงาน ทั้งในส่วนของงานนายกรัฐมนตรี และกฎหมายที่มีความสำคัญ ที่เตรียมบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของสภา เช่น สมรสเท่าเทียม Sex worker “คำติชมจากทุกฝ่าย เรายินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็น และเราจะมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาการสื่อสารให้รวดเร็วมากขึ้น โดยต้องมาพร้อมกับความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลที่ต้องตรวจสอบก่อนชี้แจงข้อเท็จจริง ถือว่ามีความสำคัญที่สุด” tt ttทางด้าน นายชนินทร์ กล่าวเสริมถึงกรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ สส.พรรคเพื่อไทยทุกคน ลงชื่อร่วมกันเสนอต่อสภาฯ มีความขัดแย้งหรือไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับข้อเสนอของรัฐบาลหรือไม่นั้น ขอย้ำว่า การดำเนินการของพรรคเพื่อไทยเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีปัญหาใดๆ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับคณะกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ส่วนแนวทางของพรรคเพื่อไทย ได้เคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖ ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา ในขณะนั้นมีการพิจารณาร่างนี้ในสภาฯ ในวาระ ๑ และวาระ ๒  จนมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการลงมติในวาระ ๓ โดยหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว พรรคเพื่อไทยยังยืนว่าสามารถพิจารณาร่างนี้ต่อได้จนจบกระบวนการ และเราได้มีมติรับร่างในวันนั้น แต่เนื่องด้วยมีผู้ที่มีความเห็นต่าง ทำให้การลงมติในวาระ ๓ ในวันนั้นไม่สามารถดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นเราได้ยื่นร่างนี้เข้าไปอีกครั้ง ในสมัยประชุมถัดไป แต่ไม่ได้รับการบรรจุวาระในสภาฯtt tt“พรรคเพื่อไทยยังยืนยันตามหลักการและจุดยืนเดิมที่มีมาตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว เราเชื่อว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖ สามารถดำเนินการได้โดยที่ไม่ต้องทำประชามติก่อน เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า การจะดำเนินการต้องถามพี่น้องประชาชนก่อนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งการแก้ไขมาตรา ๒๕๖ ไม่ถือเป็นการจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการจัดเตรียมวิธีการร่างรัฐธรรมนูญ จึงได้ยื่นญัตติเพื่อพิจารณาร่างนี้เข้าสู่สภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา” ขณะเดียวกัน นายชนินทร์ ยังระบุอีกว่า การทำประชามติ ควรทำ ๒ หรือ ๓ ครั้ง ตนในฐานะอดีตคณะกรรมการฯ มองว่า แนวทางที่นายชูศักดิ์ และพรรคเพื่อไทย ดำเนินการ มีการพูดคุยกันในคณะกรรมการฯ มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เนื่องด้วยคณะกรรมการฯ ที่จัดตั้งโดยรัฐบาล รับผิดชอบอำนาจบริหาร ไม่ใช่อำนาจนิติบัญญัติ เราไม่มีอำนาจหน้าที่ส่งคำถามไปถามศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า เราสามารถบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาฯ ได้เลยหรือไม่ ซึ่งข้อสรุปในคณะกรรมการฯ ระบุว่า เพื่อให้เกิดความรัดกุมรอบคอบ ไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งของสังคมในอนาคต จึงเห็นควรทำให้ประชามติ ๓ ครั้ง คือมีการทำประชามติตั้งแต่ครั้งแรกก่อนเริ่มกระบวนการทั้งหมด tt ttในส่วนของข้อสรุปของคณะกรรมการฯ มีข้อเสนอห้อยทิ้งไว้ว่า หากพรรคการเมืองใด หรือฝั่งนิติบัญญัติ มีความเห็นว่าจะดำเนินการเพื่อให้เกิดการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้เกิดความชัดเจนว่าจำเป็นต้องทำประชามติครั้งแรกหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นด้วย และยินดีที่พรรคการเมืองจะดำเนินการ ซึ่งข้อเสนอนี้ส่งต่อมาพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยรับเอาข้อเสนอเพื่อดำเนินการ จึงได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเองขอให้คำมั่นพี่น้องประชาชน ไม่ว่าผลของการยื่นครั้งนี้จะนำไปสู่การยื่นวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ และจะมีการตัดสินว่าจำเป็นต้องทำประชามติครั้งแรกหรือไม่ พรรคเพื่อไทย หรือรัฐบาล น่าจะเห็นชอบไปในทิศทางเดียวกัน และจะทำให้กระบวนการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความชัดเจน ปลอดภัยมากขึ้น และบรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้มีการทำประชามติ ๒ ครั้ง มีเจตนาเพื่อร่นระยะเวลาในกระบวนการทั้งหมดลง เพราะการทำประชามติ ๑ ครั้ง ใช้เวลา ๔-๕ เดือน การร่นเวลาลงจะช่วยให้ประชาชนมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เร็วขึ้น และลดงบประมาณลง ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ล้านบาท หากลดงบประมาณนี้ได้ จะสามารถนำไปใช้เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนหรือสนองนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ดียิ่งขึ้น.