Thursday, 19 December 2024

“พิธา” ได้กลับเข้าสภา ทำหน้าที่ สส. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมหุ้น itv

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ได้กลับเข้าสภา ทำหน้าที่ สส. หลังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยมาตั้งแต่ ๑๙ ก.ค. ๖๖ พร้อมชี้ ไอทีวีไม่ใช่สื่อแล้วจากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (๖) ประกอบมาตรา ๙๘ (๓) โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคสอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องว่างลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๕ วรรคหนึ่ง (๒) ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยและสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นับแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ต่อมาผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชี ระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานวัตถุ ฉบับลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๖ และบัญชีระบุพยานบุคคลเพิ่มเติม ครั้งที่ ๑ ฉบับลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าได้ไต่สวนพยานรวม ๓ ปาก คือ นายแสวง บุญมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายคิมห์ สิริทวีชัย โดยตอบข้อซักถามของศาลและของคู่กรณี คดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน โดยศาลนัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๔.๐๐ น.คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดเมื่อเวลา ๑๓.๕๖ น. วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งเพื่ออ่านคำวินิจฉัย โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ว่า นายพิธา มีชื่ออยู่ในลำดับที่ ๑ ของบัญชีรายชื่อผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งยังเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวีอยู่ โดยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ ลำดับที่ ๗,๐๖๑ จำนวน ๔๒,๐๐๐ หุ้น โดยต่อมา ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โอนหุ้นให้ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ (น้องชาย) แต่ยังถือว่า นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้น เพราะเป็นทั้งผู้ตัดการมรดกและเป็นทายาทขณะที่ประเด็นว่าไอทีวีประกอบกิจการสื่อมวลชนหรือไม่ นายพิธา โต้แย้งว่า ไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อมวลชน และยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด และไม่ได้ประกอบกิจการใดๆ มีรายได้จากการขายตราสารทุนและตราสารหนี้ เงินลงทุน และ กสทช. แจ้งว่า ไอทีวีไม่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ได้รับความถี่ในการประกอบกิจการสื่อ ทางด้านแต่งบการเงิน ภ.ง.ด.๕๐ ๒๕๖๐-๒๕๖๕ ปรากฏข้อมูลว่าไอทีวีหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี (สปน.) บอกเลิกสัญญา ทำให้สิทธิในคลื่นความถี่กลับมาเป็นของ สปน. จึงไม่สามารถดำเนินกิจการสื่อได้อีกต่อไป โดยขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาศาลปกครองสูงสุด และหากท้ายที่สุดไอทีวีชนะคดี ก็มิได้มีผลให้ไอทีวีได้รับคืนคลื่นความถี่มาทำรายการได้อีก สรุปได้ว่า ไอทีวีไม่มีสิทธิในการประกอบกิจการสื่อตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๗ มี.ค. ๒๕๕๐ และที่คงสถานะเพื่อการดำเนิอนคดีที่ค้างอยู่ ไม่ปรากฏรายได้จากกิจการสื่อมวลชน ตั้งแต่ สปน. บอกเลิกสัญญา และไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการเกี่ยวกับสื่อมวลชน ดังนั้น ณ วันที่ นายพิธา เป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไอทีวีมิได้ประกอบกิจการสื่อมวลชน การถือหุ้นของนายพิธา จึงไม่เป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘ (๓) สมาชิกภาพ สส.ของนายพิธา ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๑ (๖) ประกอบมาตรา ๙๘ (๓) และจบการอ่านคำวินิจฉัยในเวลา ๑๔.๓๖ นทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้กล่าวก่อนอ่านคำวินิจฉัยว่า ที่ผ่านมาผู้ถูกร้องขอขยายระยะเวลาในการชี้แจงถึง ๒ ครั้ง ครั้งละ ๓๐ วัน รวม ๖๐ วัน ซึ่งคดีนี้ควรจะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ ๖๐ วันที่แล้ว และย้ำว่าไม่ใช่ศาลล่าช้า ก่อนจะติง นายพิธา ว่า การไปแสดงความคิดเห็นทางคดีในสื่อต่างๆ นั้นเป็นการไม่สมควรและไม่เหมาะสม เพราะอาจจะเป็นการชี้นำ เป็นการกดดันศาล จึงขอเตือนไว้ด้วย.

Related posts
อนุรักษ์คัมภีร์ใบลาน ๒ รัชกาลสำเร็จ เก่าแก่ถึง ๑๗๐ ปี สมัย ร.๔ ถอดเนื้อหาเข้าระบบดิจิทัล
ยอดโควิด-๑๙ ยังเพิ่มหลังสงกรานต์ รัฐบาลห่วงประชาชน แนะสวมหน้ากากในที่แออัด
ชาวไร่ยาสูบ จี้ นายกฯ เร่งจัดการบุหรี่เถื่อน-บุหรี่ไฟฟ้า หลังกระทบกับอาชีพหนัก
“วันนอร์” แนะก้าวไกล เสนอร่างแก้รธน. เข้าสภา หากถูกศาลตีตก อาจเสียเวลากว่าทำประชามติ
สั่งตั้งคณะกรรมการสอบปมฉาว "กุสุมา-สันป่าเหียง" สาวแฉแฟนปันใจให้ครูรุ่นน้อง
สถานการณ์เมียวดีเริ่มสงบ ๖๕๘ ผู้ลี้ภัยชุดสุดท้าย สมัครใจกลับพม่า