Thursday, 19 December 2024

รวมไทยสร้างชาติ ยื่นร่าง พระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข มุ่งสู่ความปรองดอง

รวมไทยสร้างชาติ ยื่นร่าง พระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ต่อรองประธานสภาฯ แล้ว หวังมีกฎหมายสร้างความสามัคคีในประเทศ ย้ำ ๓ จุดยืนพรรค ไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ทำผิด ม.๑๑๒, คดีทุจริต, ฆ่าคนตายวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๗ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย ๑๔ สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ต่อ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้บรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาฯจากนั้น นายอัครเดช กล่าวขอบคุณรองประธานสภาฯ ที่มารับร่าง พระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุขด้วยตนเอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ ตนเองในนามของผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค มอบหมายให้ตน พร้อมด้วย สส.ของพรรค ซึ่งเจ้าของญัตติคือ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร มาเพื่อยื่นร่าง พระราชบัญญัติดังกล่าว ถือเป็นนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ หลังจากประเทศมีความขัดแย้งทางด้านการเมืองมานานหลายสิบปี วันนี้พรรคต้องการให้ความขัดแย้งหายไป เพื่อใช้กลไกของสภาฯ ออกกฎหมาย พระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง เพื่อต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้สำหรับหลักการสำคัญของ พระราชบัญญัติฉบับนี้ ทั้ง ๓ ข้อคือจุดยืนของพรรค จึงได้เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ดังนี้๑. จะไม่นิรโทษกรรมผู้ที่ละเมิดกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ถือเป็นจุดยืนสำคัญของพรรค ๒. ไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชัน๓. ไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ที่กระทำความผิดอาญาอย่างร้ายแรง เช่น ฆ่าผู้อื่น หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้สูญเสียแก่ชีวิต ทางด้าน นายวิชัย ผู้เสนอญัตติ กล่าวเสริมว่า ต้องยอมรับ ตลอดเวลา ๒๐ ปีที่ผ่านมา ประชาชนแบ่งแยกเป็นฝ่าย มีการต่อต้านรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองตลอดมา รัฐบาลในสมัยนั้นก็ได้ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอาญาอย่างเข้มงวด ทำให้การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนเป็นการกระทำความผิดกฎหมายมาโดยตลอด “วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นว่าประเทศชาติควรเดินไปสู่เป้าหมายแห่งความปรองดองได้แล้ว เราต้องการให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีในอดีต เมื่อมาเจอคดีอาญาหรือคดีแพ่งทำให้พวกเขาถูกตัดสินหลายเรื่อง ทำให้การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเป็นไปได้ยาก วันนี้จึงเป็นจุดหมายที่ดีทางการเมืองไทย ประชาชนไม่มีความขัดแย้งแล้ว จึงควรมาร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ”ขณะที่ นายพิเชษฐ์ รองประธานสภาฯ ระบุว่า ร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้ ถือเป็นความใจกว้างเป็นความตั้งใจของ สส. ซึ่งยังมีร่าง พระราชบัญญัติในลักษณะเดียวกันบรรจุในวาระการประชุมอยู่แล้ว โดยตนจะกลับไปดูว่ามีฉบับไหนบ้างที่มีเนื้อหาลักษณะเดียวกัน จะได้เสนอเข้าประกบพร้อมกัน เพราะถ้ายังรอคิวอยู่จะทำให้การพิจารณาล่าช้า อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมาสังคมยังไม่สงบ ยังมีความขัดแย้งอยู่ ร่าง พระราชบัญญัติลักษณะนี้จะพิจารณาลำบาก แต่วันนี้ความขัดแย้งได้หมดไปแล้ว จึงเป็นช่วงที่พวกเราต้องสามัคคีร่วมกันพัฒนาประเทศ ดังนั้น ตนจะรีบบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ เพื่อให้พิจารณาได้เร็วที่สุด และหลายพรรคมีเจตนาดี คิดว่าคงไม่มีปัญหาในการพิจารณา.