Thursday, 19 December 2024

ครูปุ๊ก-ครูจ๋า ร่ำไห้ขอโทษ อ้างไม่มีเจตนาทำโทษรุนแรง หลังใช้เข็มกลัดทิ่มปาก ๓๖ คน

26 Jan 2024
117

“ครูปุ๊ก-ครูจ๋า” ร่ำไห้ ยกมือขอโทษ อ้างไม่มีเจตนาทำโทษรุนแรง หลังใช้เข็มกลัดทิ่มปากเด็กยกห้อง ๓๖ คน หาคนยอมรับคายหมากฝรั่งไว้ จนตัวเองไปเหยียบ ขณะที่ สพฐ. สั่งย้าย-ตั้ง กก.สอบเมื่อเวลา ๒๐.๐๐ น. วันที่ ๒๕ ม.ค. ๖๗ ที่ผ่านมา นางสาวแอน อายุ ๓๐ ปี ผู้ปกครองของ ดช.บีม อายุ ๗ ขวบ นักเรียนของโรงเรียนวัดด่านสำโรง ชั้น ป.๒ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.พลวัฒน์ สิริสุขดาโรจน์ รอง สว.สอบสวน สภ.สำโรงเหนือ หลังน้องบีม และเพื่อนในห้องเรียนเดียวกัน รวม ๓๖ คน ถูก น.ส.วัชรียา ชาติหระคุณ อายุ ๕๐ หรือครูปุ๊ก ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ และ น.ส.ธัญญภัสร์ รัตนพีรวิทย์ หรือครูจ๋า อายุ ๒๗ ปี ลงโทษแบบพิสดาร โดยการใช้เข็มทิ่มในปากจนปากเป็นแผล เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๕๖๗ ที่โรงเรียนวัดด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปรการจากกรณีผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ป.๒ โรงเรียนวัดด่านสำโรง เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.พลวัฒน์ สิริสุขดาโรจน์ รอง สว.สอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพราะถูกครูปุ๊ก และครูจ๋า ลงโทษแบบพิสดาร ใช้เข็มกลัดทิ่มในปากจนเป็นแผล เนื่องจากครูจ๋าได้เดินไปเหยียบหมากฝรั่งที่ถูกคายทิ้งไว้ในห้องเรียน และเมื่อถามเด็กในห้องว่าใครคายทิ้งไว้ แต่ไม่มีใครตอบ หรือยอมรับกระทั่งครูปุ๊กเข้ามาที่ห้องจึงร่วมสอบเด็กด้วย โดยให้เด็กในห้องมานั่งเรียงกัน และให้สาบาน แถมยังข่มขู่ว่าจะเอาสุนัขตำรวจมาดมกลิ่น แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับ ครูปุ๊ก จึงลงโทษโดยการใช้เข็มกลัดทิ่มด้านในปากของเด็กทีละคน รวมทั้งหมด ๓๖ คน ซึ่งความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (๒๖ ม.ค.) ที่หน้าโรงเรียนวัดด่านสำโรง พบว่าผู้ปกครองของเด็กทั้ง ๓๖ คน ได้นัดรวมตัวกันเพื่อเข้าไปสอบถามความคืบหน้าจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางโรงเรียน ก่อนที่ นายอภิชา เพ็ชรน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดด่านสำโรง จะเชิญผู้ปกครองเข้าไปในห้องประชุม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต ๑, เจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สมุทรปราการ เข้าประชุมเพื่อปรึกษาหารือเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในแต่อย่างใดโดย ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุการณ์แบบนี้ไม่สมควรเกิดกับลูกๆ ในโรงเรียน การกระทำที่ยั้งคิด ไม่ได้ไตร่ตรองของคุณครู นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก หลังเกิดเหตุตนเองสอบถามครูทั้งสองคนแล้ว และยอมรับว่ากระทำดังกล่าวจริง ตนก็งงว่าครูใช้อะไรคิด ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานไปยังเขตพื้นที่การศึกษาปฐมศึกษาสมุทรปราการ ไปตั้งแต่วันเกิดเรื่อง เพื่อให้พิจารณาบทลงโทษทางวินัยกับครูทั้งสองคนเบื้องต้นมีคำสั่งให้ครูทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ส่วนกลาง ส่วนโทษนั้นหามีการสอบสวน และทำเกินกว่าเหตุ อาจถึงขั้นไล่ออก ด้านการดำเนินคดีทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าหลังจากนี้ก็จะส่งเด็ก ๓๕ รายไปตรวจร่างกายที่ รพ.สำโรงการแพทย์ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานทางคดี ในขณะเดียวกันก็จะเรียกครูประจำชั้น ครูที่ก่อเหตุ และผู้ปกครอง มาทำการสอบปากคำถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งครูประจำชั้นที่เป็นผู้ไปเชิญครูหญิงรายดังกล่าวมาลงโทษเด็กจะเข้าข่ายความผิดด้วยหรือไม่ ต้องรอการสอบปากคำอีกครั้ง ส่วนสาเหตุที่ทำนั้นครูบอกว่าได้ตั้งใจ แต่ทำไปด้วยความรักต่อมาเวลา ๑๓.๐๐ น. พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เดินทางมาสอบปากคำ ครูจ๋า และ ครูปุ๊ก ด้วยตนเอง ก่อนที่จะให้กับสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ตนจึงลงมาติดตามคดีด้วยตนเอง เบื้องต้นหลังได้รับแจ้งความจากผู้ปกครอง ทางพนักงานสอบสวนก็ลงพื้นที่พบว่าทำจริง ในส่วนของครูทั้งสองท่านก็ได้ยอมรับในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป เจตนาก็เพื่อจะให้นักเรียนรู้จักทำผิด และยอมรับผิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง พร้อมยืนยันเจตนาไม่มีเจตนาทำร้ายเด็กขนาดนั้น แต่ก็ขอรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ส่วนทางคดีก็ต้องว่ากันไป ทางคดีตอนนี้สอบเสร็จแล้วบางส่วนแต่ยังคงต้องรอผลแพทย์ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยครูปุ๊กในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้เป็นตรายต่อกายและจิตใจ ส่วนครูจ๋าตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากการสอบสวนพยานหลักฐานไปถึงครูจ๋า ก็จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาด้วยอีกคนด้านครูปุ๊ก กล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนอื่นตนเองต้องกราบขอโทษสังคม ผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงทางโรงเรียน สาเหตุที่ทำไปตนเองหวังดี ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเด็ก และไม่คิดว่าการที่ตนลงโทษแบบมีจะทำให้เด็กมีบาดแผล โดยการลงโทษในลักษณะนี้ตนทำเป็นครั้งแรก และเป็นการเพื่อข่มขู่เพื่อให้เด็กรับความจริงเท่านั้น แต่ช่วงจังหวะที่เอาเข็มกลัดทิ่มลงไปนั้นด้วยน้ำหนักมือไม่เท่ากัน อาจจะพลาดพลั้งไปโดนปากเด็กบ้าง ส่วนเข็มกลัดนั้นเป็นเข็มกลัดใหม่ ต่อมาหลังจากลงโทษเสร็จ เด็กทุกคนก็ไปทานข้าวกันตามปกติ จึงไม่คิดว่าเด็กได้รับบาดเจ็บ หรือมีบาดแผลส่วนวันเกิดเหตุนั้น ครูจ๋าเดินไปเหยียบหมากฝรั่งช่วงหน้ากระดานดำภายในห้อง แต่เมื่อถามเด็กในห้องก็ไม่มีใครไม่ยอมรับ ครูจ๋าจึงเดินมาตามตนที่ห้องเพื่อให้ไปช่วยสอบเด็ก เนื่องจากเด็กค่อนข้างจะกลัวตนมากว่าครูจ๋า อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้เด็กรับความจริงขณะที่ครูจ๋ากล่าวว่า วันเกิดเหตุ สาเหตุที่ตนเองไปเรียกครู เพื่อต้องการให้ครูปุ๊กมาว่ากล่าวตักเตือนเด็กเท่านั้น โดยไม่คิดว่าครูปุ๊ก จะเอาเข็มกลัดมาทิ่มปากเด็ก เพราะตนคิดว่าคงไม่มีใครทำโทษเด็กแบบนี้ และวันเกิดเหตุตนเองอยู่หลังห้อง เด็กทั้งหมดหันหน้าไปทางหน้ากระดาน จึงมองไม่เห็นช่วงที่ครูปุ๊กทำโทษ หากเห็นคงห้ามไปแล้ว เพราะตนเองก็รักเด็กๆ เหมือนลูก ทั้งนี้ตนเองก็ต้องยอมรับข้อบกพร่องของตัวเองที่ไม่รอบคอบ และเฝ้าดูแลเด็กในปกครองอย่างใกล้ชิด อยากจะขอโทษผู้ปกครองและสังคม และตนเองน้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง.(ติดตามข่าวโซเชียล ในกระแส ทั้งหมดที่นี่)