สุดสยอง พี่เขยชาวอังกฤษเชื้อสายชาวโปแลนด์อดีตวิศวกร ก่อเหตุใช้มีดแทงคอ ๒ ลูกสาว และน้องเมีย คนไทยที่เดินทางมาเยี่ยมพี่สาวกับหลานตายคาบ้านพักในเมืองคอสต์ซีย์ ประเทศอังกฤษ ก่อนฆ่าตัวตายตาม พบก่อนหน้าเพิ่งโทร.แจ้งตำรวจให้มาที่บ้าน เพราะรู้สึกสับสน แต่เจ้าหน้าที่กลับแนะให้ไป หาหมอแทน กระทั่งเพื่อนบ้านพบความผิดปกติโทร.แจ้งเหตุในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา พบทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว คาดมือมีดมีปัญหาทางจิต เพราะกลาง ธันวาคมปีกลายหายตัวไปจากบ้าน ก่อนถูกส่งไปตรวจสุขภาพจิตที่ รพ.สื่อท้องถิ่นอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคมถึงเหตุฆาตกรรมภายในบ้านพักที่มณฑลนอร์ฟอล์ก ทางตะวันออกของอังกฤษ โดยนายคริส เบอร์เกส เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เปิดเผยว่า เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๐ ม.ค. โดยในช่วงเช้าเมื่อเวลาประมาณ ๐๗.๑๕ น ตำรวจได้รับสายด่วนแจ้งเหตุ ๙๙๙ จากประชาชนในย่านอัลเลน เบดฟอร์ด เครสเซ็นต์ ในเมืองคอสต์ซีย์ ใกล้เมืองนอริช ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของบ้านที่เกิดเหตุว่าอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นภายในบ้านหลังดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยพังประตูเข้าไปข้างใน พบว่าผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านพัก เสียชีวิตรวม ๔ ศพ ประกอบด้วย น.ส.กันทิชา สุขเพ็งพะเนา ชาวไทย วัย ๓๖ ปี นายบาร์โทมี จาคอบ คุชินสกี วิศวกร เชื้อสายโปแลนด์ วัย ๔๕ ปี พี่เขย และลูกสาวของนายบาร์โทมี ๒ คน คือ ด.ญ.จัสมิน คุชินสกี วัย ๑๒ ปี และ ด.ญ.นาตาชา คุชินสกี วัย ๘ ขวบ ทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกมีดแทงที่บริเวณลำคอ โดย น.ส.กันทิชาและหลานสาวทั้ง ๒ คน มีร่องรอยบาดแผลถูกแทงที่คอหลายครั้ง ส่วนนายคุชินสกีมีบาดแผลแทงที่คอ ๑ ครั้งจากการสืบสวนในเวลาต่อมา น.ส.กันทิชา ที่เสียชีวิตเป็นน้องสาวของนางนันทกา สุขเพ็งพะเนา ภรรยาของนายคุชินสกี เดินทางเข้าอังกฤษมาเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม๒๕๖๖ เพื่อมาเยี่ยมพี่สาวและหลานสาวทั้ง ๒ คน และขณะเกิดเหตุนางนันทกาไม่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากออกไปทำงานดูแลคนชรา ส่วนผลการชันสูตรศพสรุปว่าทั้งหมดเสียชีวิตจากบาดแผลถูกมีดแทงที่คอ และยืนยันเป็นเหตุฆาตกรรมในครอบครัว ไม่ได้มีผู้ต้องสงสัยคนอื่นด้านสำนักข่าวเดลีเมล์ และมิเรอร์ รายงานด้วยว่าในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น.นายคุชินสกี วัย ๔๕ ปี โทรศัพท์ไปที่หมายเลขฉุกเฉิน ๙๙๙ แจ้งว่าขอให้ตำรวจช่วยมาที่บ้านเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสภาพจิตใจของตนเอง ตอนนี้รู้สึกสับสนไปหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่รับสายได้ให้คำแนะนำให้ชายคนดังกล่าวไปพบแพทย์ โดยไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ จากนั้นในเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. สายด่วนตำรวจจึงได้รับโทรศัพท์จากคนพาสุนัขเดินเล่นที่โทร.เข้าแจ้งถึงความเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของคนในบ้านสื่อท้องถิ่นยังรายงานว่าจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายคุชินสกีเคยถูกตำรวจนำตัวไปตรวจสุขภาพจิตที่แผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนอร์ฟอล์กแอนด์นอริช เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีการแจ้งตำรวจว่านายคุชินสกีหายตัวไปจากบ้านจนต้องระดมกำลังและใช้โดรนตามหาจนพบ ขณะที่นายคุชินสกีได้รับการประเมินด้านสุขภาพจิตและได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาด้าน น.ส.นัตตี้ วัฒนกุล เพื่อนสนิทของ น.ส.กันทิชาให้สัมภาษณ์ นสพ.เดลีเมล์ ว่า นางนันทกา แม่ของเด็กๆกำลังอยู่ในสภาวะช็อกหลังจากสูญเสียทั้งลูกและน้องสาว พร้อมระบุว่า น.ส.กันทิชา ผู้ตายเป็นคนจิตใจดีมักห่วงใยคนรอบข้าง ไม่มีแฟน ไม่มีสามี ก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจร่วมกับพี่สาวขายเสื้อผ้าเด็กผ่านอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กชื่อ ร้าน malishopuk และตามปกติมักจะเดินทางมาประเทศอังกฤษปีละครั้ง หรือ ๒ ครั้ง เพื่อเยี่ยมหลานสาวที่เธอรักมาก แต่เจ้าตัวเคยเล่าว่ารอบนี้กลับลังเลที่จะเดินทางมาอังกฤษอย่างไม่มีเหตุผล และเพิ่งมาอังกฤษเมื่อเดือน มิถุนายน๒๕๖๖ น.ส.นัตตี้ยังยืนยันว่านายคุชินสกีมีปัญหาสุขภาพจิตและตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ววันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้รับแจ้งจากตำรวจเมืองนอร์ฟอล์ก ได้รับแจ้งจากประชาชนเข้าตรวจค้นบ้านเกิดเหตุเมื่อเช้าวันที่ ๑๙ มกราคม๒๕๖๗ (ตามเวลาท้องถิ่น) พบผู้เสียชีวิตทั้งหมด ๔ ราย เป็นหญิง ๑ ราย ชาย ๑ ราย และเด็กหญิง ๒ ราย ผลการชันสูตรพลิกศพวันที่ ๒๑ มกราคมและ ๒๔ ม.ค. พบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง ๔ ราย เสียชีวิตจากการถูกมีดแทงคอ โดย น.ส.กันทิชา สุขเพ็งพะเนา และเด็กทั้ง ๒ คน เสียชีวิตจากการฆาตกรรม ซึ่งไม่พบผู้ต้องสงสัยอื่นเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และจะมีกระบวนการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตทางวิทยาศาสตร์ต่อไปส่วนการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูตฯ ขณะนี้ นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูต ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ประสานกับตำรวจเจ้าของคดีอย่างใกล้ชิด และรายงานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า เด็กหญิง ๒ คน ที่เสียชีวิตเป็นเด็กสัญชาติไทย-โปแลนด์ เกิดที่สหราชอาณาจักรด้านนายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้แจ้งรายละเอียดเบื้องต้นมาให้ทราบแล้ว และทางกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ยังไม่ได้รับการติดต่อประสานงานจากญาติผู้เสียชีวิต อาจจะมีการประสานกับทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน โดยตรง แต่ถ้าติดต่อมาที่กองคุ้มครองฯ จะอำนวยความสะดวกโดยเร็วอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
