Thursday, 19 December 2024

เหตุสอยบินลำเลียงเชลย

กลายเป็นเหตุความผิดพลาดอันน่าเศร้าเมื่อวันที่ ๒๔ ม.ค. ที่ผ่านมา หลังเครื่องบินลำเลียงพลรุ่นอิลยูชิน-๗๖ ของรัสเซียถูกระบบต่อต้านอากาศยานสอยร่วง เสียชีวิตยกลำ ๗๔ ศพเพราะผลปรากฏว่า บนเครื่องไม่ได้บรรทุกหน่วยรบหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะถูกนำไปใช้ในสมรภูมิยูเครน แต่เป็นบรรดาเชลยศึกทหารยูเครนจำนวน ๖๕ นาย ที่กำลังถูกลำเลียงไปยังเมืองเบลโกรอดของรัสเซีย เพื่อเตรียมต่อรถบรรทุกไปยังจุดแลกเปลี่ยนเชลยสงครามในจังหวัดคาร์คิฟของยูเครนกรณีนี้ฝ่ายรัสเซียกล่าวหาว่า ระบบต่อต้านอากาศยานของยูเครนคือตัวการ และไม่มีทางที่ฝ่ายยูเครนจะไม่รู้ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวกำลังขนเชลยศึก เนื่องจากการแลกเปลี่ยนเชลยเกิดขึ้นเป็นประจำ และเครื่องบินรุ่นอิลยูชิน-๗๖ ได้ถูกนำมาใช้ทุกครั้งในการขนเชลยศึกชาวยูเครนขณะที่ฝ่ายยูเครนซึ่งทีแรกเชื่อว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการสอยเครื่องบินขนจรวด S-๓๐๐ ของรัสเซีย ไม่ยอมปริปากว่าเป็นผลงานของระบบต่อต้านอากาศยานในยูเครน แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้ควรจะต้องมีการสอบสวนในระดับสากลเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งฝ่ายรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันอย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของฝ่ายรัสเซียให้มีการหารือประเด็นความผิดพลาดครั้งนี้ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC) ได้ถูกปัดตกไปโดยฝรั่งเศส ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนเดือนนี้ จึงทำให้มีสมมติฐานผุดขึ้นมามากมายว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นไรโดยเฉพาะเรื่องที่ว่า กองทัพยูเครนเกี่ยวข้องจริงๆหรือไม่? เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานอย่างต่อเนื่องว่า การควบคุมระบบต่อต้าน อากาศในยูเครนได้ตกเป็นหน้าที่ของหน่วยรบ “ต่างชาติ” ที่มีความชำนาญมากกว่าทหารยูเครน เนื่องจากอาวุธที่ยูเครนใช้อยู่ขณะนี้แทบไม่เหลือระบบอาวุธยุคโซเวียต มีแต่อาวุธจากชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เป็นส่วนใหญ่ขณะที่การตรวจพิกัดเบื้องต้นยังพบว่า จรวดต่อต้านอากาศยานถูกยิงมาจากจังหวัดคาร์คิฟ ของยูเครน พุ่งใส่เครื่องบินลำเลียงพลอิลยูชิน-๗๖ ที่อยู่เหนือน่านฟ้าเมืองเบลโกรอดของรัสเซีย เป็นระยะทางกว่า ๑๐๐ กิโลเมตรอย่างแม่นยำ ซึ่งอาวุธที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ควรเป็นระบบต่อต้านอากาศยาน “แพทริออต”จนเป็นคำถามต่อเนื่องว่าทหารต่างชาติ ชุดนั้นมาจากประเทศใด ใช่ฝรั่งเศสหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ ๑๗ ม.ค. ฝ่ายรัสเซียก็เพิ่งอวดอ้างความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธสังหารทหารรับจ้างจากฝรั่งเศสไปกว่า ๖๐ ศพ ในเมืองคาร์คิฟของยูเครน.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม