Friday, 20 September 2024

“ก้าวไกล” บนทางสองแพร่ง

อนาคต “ก้าวไกล” ในเส้นทางการเมืองข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ถูกมองออกมาเป็น ๒ มุม ด้านหนึ่งเห็นว่า “ยิ่งทุบก็ยิ่งโต” นี่ว่ากันในแง่ดีแต่อีกด้านหนึ่งคงไปได้ไม่ไกลแล้ว ไม่ต่างไปจากอดีตที่พรรคพลังใหม่ก็เคยตกอยู่ในฐานะไม่ต่างกันเท่าใดนักคือเหมือนผีพุ่งไต้ขึ้นมาพรวดพลาดแล้วก็ร่วงไป แล้วหายไปจากวงจรการเมืองต่างคนต่างไป แยกไปตามวิถีทางการเมืองในแต่ละยุคสมัยนั้นมีความต่างกันในบริบทที่เปลี่ยนไป “ก้าวไกล” เป็นพรรคการเมืองที่ต่อยอดมาจาก “อนาคตใหม่” ซึ่งถูกสั่ง “ยุบพรรค” แล้วแตกตัวไปสู่อีกมิติหนึ่งจนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นพรรคอันดับ ๑นี่คือความแตกต่าง…จึงไม่แปลกที่แกนนำพรรค “ก้าวไกล” จะมองความเป็นไปของพรรคในสถานการณ์ปัจจุบันด้วยความมั่นใจคือ “ก้าวไกล” จะโตขึ้นแม้จะสวมเสื้อในพรรคใหม่ก็ตาม เพราะอุดมการณ์ยังดำรงอยู่แม้จะมีคนใหม่ๆเข้ามาทำหน้าที่ต่อไปก็ตามถึงขนาดยํ้าว่าพวกเขาจะชนะเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” อีกด้วยนั่นเป็นอนาคตที่มิอาจจะชี้ชัดได้ว่าจะไปทางไหน?เอาภาวะที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันดีกว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าการหาเสียงเพื่อแก้ไข ม.๑๑๒ ของ “ก้าวไกล” นั้นเป็นปฏิปักษ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วก็มีลูกตามทางการเมืองอยู่ใน ๒ ประเด็น๑.มีการยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ดำเนินการยุบพรรคก้าวไกล๒.ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ ๔๔ สส.ก้าวไกลที่ทำผิดจริยธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรง๒ เรื่องนี้ว่าไปแล้วถือเป็นโทษหนัก แต่กรณีจริยธรรมนั้นน่าจะหนักกว่า เพราะหากพบว่ามีความผิดจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตเท่าที่ฟังบรรดากูรูการเมืองได้วิเคราะห์ออกมาและไปในทางเดียวกันล้วนมีความเห็นว่า “ก้าวไกล” ถูกยุบพรรคแน่แต่ประเด็นจริยธรรมการเมืองน่าจะรอด เพราะ สส. ๔๔ คนนั้น สามารถลงชื่อเสนอกฎหมายในสภาได้ตามหน้าที่จึงไม่น่าจะมีความผิดด้วยข้อมูลนี้จึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าใดนักที่เห็นบรรดา สส.ก้าวไกลที่มีชื่ออยู่ในจำนวน ๔๔ คน ค่อนข้างจะมั่นใจว่าสู้คดีได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความผิดในเรื่องนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะอย่างกรณีที่ศาลชี้ว่าล้มล้างการปกครอง พรรคก้าวไกลก็ประเมินผิดมั่นใจว่าจะเป็นแค่ให้ยุติการกระทำเท่านั้นที่ไหนได้เจอความผิดล้มล้างการปกครองเข้าเต็มเปาจากกรณีที่เกิดขึ้นกับ “ก้าวไกล” ครั้งนี้คงทำให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไปทันทีชัดๆก็คือรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี คงจะลอยตัวขึ้นมาอีกระดับหนึ่งจากแรงกดดันทางการเมืองเพราะฝ่ายค้านอ่อนกำลังลงอย่างแน่นอนทำให้มีเวลาแก้ปัญหาที่ยังติดขัดอยู่หลายเรื่อง ไม่ต่างจากเชือกที่รัดคออยู่!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม