ปัญหาผู้อพยพหลั่งไหลเข้าสหรัฐฯ ถือเป็นภาพการต่อสู้ทางการเมืองอันน่าสนใจระหว่างพรรครัฐบาลเดโมแครตและพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันโดยงานนี้ไม่มีใครยอมใคร มีเป้าหมายสำคัญคือชัยชนะในศึกเลือกตั้งปีนี้ ที่จะเป็นการชี้ชะตาว่านายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะได้ไปต่อ หรือจะเป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้กลับมาครองเก้าอี้ผู้นำแดนพญาอินทรีในอีก ๔ ปีต่อไปประเด็นผู้อพยพข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายตลอดช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างรัฐกับรัฐบาลกลาง หลังรัฐตามพรมแดนซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรครีพับลิกันเป็นส่วนใหญ่ แสดงความไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ตรวจตราพรมแดนทำตัวเหมือนเกียร์ว่าง ไม่คิดจะสกัดคนลักลอบข้ามด่านธรรมชาติอย่างจริงจังอย่างไรก็ตาม งานนี้ใช่ว่าหน่วยงานรัฐบาลกลางจะตั้งใจกลั่นแกล้งรัฐของพรรครีพับลิกัน แต่ปัญหาประการหนึ่งคือผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ใช้ข้ออ้างว่า ประสงค์ลี้ภัยในสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ส่วนใหญ่เริ่มจากการให้มารายงานตัวต่อศาลเป็นระยะๆตามวันเวลาที่กำหนด หรือไม่ก็ผ่อนผันด้วยการปล่อยตัวให้เข้าเมืองไปก่อน แล้วค่อยเรียกตัวมารับฟังการตัดสินว่าจะให้อยู่ต่อหรือผลักดัน กลับภูมิลำเนาเพียงแต่ปัญหาที่ตามมาคือ กระบวนการพิจารณาคำร้องผู้อพยพเข้าเมืองขอพำนักในสหรัฐฯที่คนแห่ขอกันนั้น กำลังอยู่ในสภาพคอขวด ข้อมูลจากสถาบันคลังสมองซีเอทีโอของสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีจำนวนกว่า ๓.๓ ล้านเคสที่กำลังรอการพิจารณาตรวจสอบ และหลายครั้งที่พอถึงคิวเรียกตัว ก็หนีหายย้ายไปอยู่เมืองอื่น หรือตัดสินใจหลบซ่อนตัว ลักลอบทำงานในสหรัฐฯไปเรื่อยๆแต่แน่นอนความล้มเหลวของการจัดการปัญหา ได้เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถูกโจมตี ปั่นกระแสว่าเอาคนต่างด้าวเข้ามาแย่งงานชาวอเมริกัน นี่คือการถูกกลืนชาติอย่างช้าๆ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่พรรคเดโมแครต จะได้รับโอกาสให้บริหารประเทศอีกสมัย และประธานาธิบดีคนต่อไปควรจะกลับมาเป็นทรัมป์หรือไม่.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม
ช่วงชิงโอกาสเก็บแต้ม
Related posts