ชีวิตของคนเราจะยากดีมีจนเช่นใดก็ตาม ถ้าสุขภาพกายมีพลังที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ…มีสุขภาพใจที่เบิกบานปราศจากความเศร้าหมองเรียกว่าสมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจแล้ว โอกาสที่จะพบแต่ความสุขความเจริญก็มีมากขึ้นตรงกันข้าม…ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เรื่อยๆ จากเจ็บป่วยในเรื่องนี้ก็ไปหาเรื่องนั้นอยู่ตลอด จิตใจก็ได้รับความกระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบกายจนก่อให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนดังนั้น “กาย” กับ “ใจ” จะต้องไปด้วยกัน…กายดีและใจดีย่อมมีแต่ความสุข แต่ถ้ากายก็ไม่ดีและใจก็ไม่ดีแล้วก็ล้วนแต่จะเกิดความทุกข์ความเศร้าหมองtt ttพระครูจินดาสุตานุวัตร (พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก) ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า ความสุขของมนุษย์เราจะเกิดขึ้นมาได้อีกประการหนึ่งคือจากการเป็น “ผู้ให้”ชีวิตของเด็กที่เกิดมาแต่ละคนย่อมมีไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมาบนครอบครัวที่มีความพร้อมทุกด้าน บางคนเกิดมาบนความแตกร้าวของครอบครัวจนกลายเป็นเด็กที่ “ขาดความรักความอบอุ่น” จนหาความสุขไม่ได้ บางคนเกิดมาตกอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือไม่อำนวยต่อการเจริญเติบโตของชีวิตจึงกลายเป็น “เด็กที่อับเฉา” ไปในที่สุด มิหนำซ้ำยังเจริญเติบโตขึ้นมาเป็น “ปัญหาหรือภาระให้กับสังคม” รวมถึงกลายเป็น “อาชญากร” สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายให้กับส่วนรวมอีกด้วย“คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถที่จะเลือกมีหรือที่จะเลือกเป็นได้ ตราบใดที่ยังมีความหวัง มีความเพียรพยายามจากการที่เป็นคนต่ำต้อยคนด้อยค่าด้อยวาสนา มีความขยัน อดทน หนักเอาเบาสู้ วันแห่งความสำเร็จและวันแห่งความสุขก็จะมาถึง”ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ว่า “วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ แปลความว่า คนเราจะล่วงพ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร” เราจึงได้พบเห็นอยู่ตลอดว่าเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนขัดสนก็สามารถมีโอกาสและมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้เช่นเดียวกัน ตราบใดที่ชีวิตยังมี “ความเพียรพยายาม”tt ttพระครูจินดาสุตานุวัตร (พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก)“มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน” ได้มีเจตนาและความตั้งใจที่แน่วแน่ที่จะยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือชีวิตเด็กที่เกิดมาแล้วยากจน ขัดสน ขาดผู้อุปการะ ขาดผู้นำทาง ขาดเสาหลักของชีวิต ขาดโอกาสทางสังคมโดยเฉพาะด้านการศึกษาและการฝึกอบรมบ่มนิสัย จึงได้จัดตั้งองค์กรขึ้นมาเมื่อ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๗ ถึงปัจจุบันจัดกิจกรรมตามโครงการต่างๆขึ้นมาเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร การศึกษา การฝึกอบรมปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมแก่เด็ก ช่วยเหลือ ความจำเป็นขั้นพื้นฐานคือปัจจัยสี่เพื่อการดำรงชีพของเด็กๆ ทั้งในชุมชนแออัดซึ่งถือว่าเป็นเด็กยากจนในสังคมเมืองและเด็กในชนบทถิ่นทุรกันดารกระทั่งมีโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กและผู้คนในสังคมที่ด้อยโอกาสตามโครงการต่างๆ ขณะนี้ ๑๔ โครงการ…มีเด็กที่อยู่ในความอุปการะทั้งอาหารและการศึกษาอยู่ ๑,๑๘๐ คน มีทั้งอยู่ประจำและมาเช้า-เย็นกลับ รวมถึงเด็กใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัว ในชุมชน ในหมู่บ้านมีอายุตั้งแต่ ๒-๒๔ ปีโดยทางมูลนิธิกลุ่มแสงเทียนเป็นผู้เข้าไปอุปการะช่วยเหลือทั้งด้านอาหาร การศึกษา รวมถึงความจำเป็นในชีวิตประจำวันอีกด้วย…มีศูนย์กลางกิจกรรมอยู่ที่ วัดบางไส้ไก่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานครนี่เองtt ttการดำเนินกิจกรรมตามโครงการต่างๆได้อาศัยพระภิกษุ สามเณร คนหนุ่มสาว พ่อแม่อาสามารวมใจเป็น “หนึ่งเดียว” ในการทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสเหล่านั้นมาแล้ว ๔๐ ปีเต็ม และจะเดินหน้าต่อไปในการยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างๆทุกวันนี้…มีเลี้ยงเด็กและสอนหนังสือเด็กเล็กก่อนวัยเรียนซึ่งเป็นบุตรหลานคนยากจนในชุมชนแออัด ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ ส่วนวันเสาร์…วันอาทิตย์ก็จัดโครงการสอนธรรมะสอนหนังสือเสริมพิเศษให้เด็กซึ่งเป็นบุตรหลานของคนยากจนในชุมชนแออัดเช่นเดียวกัน ซึ่งเด็กทั้งสองกิจกรรมมีอายุตั้งแต่ ๒-๑๒ ปี ทั้งชาย…หญิงสรุปคือตลอดทั้งสัปดาห์จัดเลี้ยงอาหารกลางวัน จัดสอนหนังสือ จัดสอนธรรมะให้เด็กฟรีมาตลอด ๔๐ ปีเต็มไม่เคยมีหยุด นอกจากนั้นยังได้อุปการะ “ทุนการศึกษาช้างเผือก” และทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา อุดมศึกษาทั้งในชุมชนแออัด…ในชนบทถิ่นทุรกันดารtt ttบัดนี้บุคคลเหล่านั้นได้มีโอกาสเจริญเติบโตขึ้นมาเป็น “ช้างเผือก” อันเป็นทรัพยากรที่สำคัญ…มีคุณค่าต่อสังคมไทยและประเทศไทยแล้ว…นอกจากนี้แล้วยังได้สร้างอุดมการณ์ด้านสังคมให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา คนหนุ่มสาวด้วยการจัด “โครงการความรู้ สู่ เด็กชนบท” ด้วยการจัดออก “ค่ายอาสาพัฒนาชนบท”…ออกไปให้ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านการศึกษาเด็กนักเรียนในชนบทถิ่นทุรกันดารในช่วงที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา คนหนุ่มสาวได้ว่างเว้นจากการศึกษาเล่าเรียนหรือช่วงปิดเทอม ออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทไปแล้ว ๔๔ ครั้ง ในพื้นที่ ๔๔ จังหวัดของประเทศไทยและจะจัดโครงการนี้ต่อไปเรื่อยๆ…ตราบที่ยังมีกำลังอีกทั้งยังมี “โครงการสร้างบ้านพักอาศัยให้เด็กยากจนในชนบท” เพื่อเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานในการรองรับชีวิตความเป็นอยู่ประจำวัน ใช้เวลาก่อสร้างภายใน ๑๕ วันต่อ ๑ หลัง…จนทุกอย่างได้สำเร็จแล้วก็มาถึงโครงการ “งานวันรวมน้ำใจ สู่ เด็กไทยในชุมชนแออัด” ครั้งที่ ๓๔ ที่ได้ตระหนักและห่วงใยว่าเด็กในชุมชนแออัด…เด็กในชนบทถิ่นทุรกันดารยังไม่มีโอกาสได้รับ “ของขวัญปีใหม่” ที่ผ่านมา… การยื่นมือหรือมอบของขวัญปีใหม่นับว่าเป็นการมอบ “สิ่งที่ดี” และ “สิ่งที่ใหม่” ให้กับเด็กๆในโอกาสเช่นนี้tt ttพระครูจินดาสุตานุวัตร บอกว่า งานนี้จัดให้มีการมอบของขวัญเป็นเงินทุนการศึกษา เงินทุนเพื่อการดำรงชีพ ของขวัญปีใหม่…ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง ถุงยังชีพ เครื่องเขียน อุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า ตุ๊กตา ของเด็กเล่น นมกล่อง ขนม รถจักรยาน…เพื่อการศึกษาให้กับเด็กๆจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ ๑๐ และวันอาทิตย์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนภายในวัดบางไส้ไก่ ถนนอิสรภาพ ซอย ๑๕ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ตลอดทั้งสองวัน“งานวันรวมน้ำใจฯจะเป็นการรวมพลังของผู้คนในสังคมร่วมใจกันทำความดี แบ่งปันสิ่งที่ดีและโอกาสที่ดีให้กับเด็กด้อยโอกาสในสังคม เด็กทุกวัย…ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของสังคมหรือในภูมิภาคใดของประเทศไทยของเรานี้ พวกเขาควรจะได้รับแต่สิ่งที่ดี ได้รับแต่ความปรารถนาที่ดี”tt ttขอให้มาช่วยกันฟูมฟักดูแลหน่ออ่อนของสังคมให้พวกเขาได้รับโอกาสที่ดี…ได้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นเยาวชนพลเมืองที่ดีและเป็น “ทรัพยากรบุคคล” อันสำคัญของสังคมและประเทศชาติในวันข้างหน้ากันเถิดร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน (วัดบางไส้ไก่)” ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเจริญพาศน์ เลขที่บัญชี ๑๒๖-๐-๓๖๑๕๑-๒ ประเภทสะสมทรัพย์ (ระบุช่วยงานวันรวมน้ำใจฯ) โทรศัพท์ ๐-๒๔๖๕-๖๑๖๕, ๐-๒๔๖๖-๘๓๕๔ แจ้งข้อมูลการบริจาคทางไลน์ ๐๖-๓๒๓๒-๓๘๗๔ เฟซบุ๊กเพจ: มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนย้ำว่า…มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนไม่มีการมอบหมายให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไปเชิญชวนหรือเรี่ยไรตามอาคารบ้านเรือนหรือสถานที่ทำงาน เพื่อให้ร่วมบริจาคแต่ประการใด และใบอนุโมทนาบัตรของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีรายได้ประจำปีตามประกาศของกระทรวงการคลังลำดับที่ ๗๘๘ร่วมกันเพิ่มความสุขด้วย “การให้”…รวมใจมอบ “ของขวัญปีใหม่” ให้เด็กด้อยโอกาส.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม
Related posts