Thursday, 19 December 2024

คุณยายวัย ๗๔ พลัดตกน้ำ ประกาศตามหาผัวเมียต่างชาติ กระโดดลงไปช่วย จนรอดชีวิต

14 Feb 2024
87

คุณยายวัย ๗๔ หน้ามืด พลัดตกแม่น้ำ ที่อยุธยา ประกาศตามหาผัวเมียชาวต่างชาติ กระโดดลงไปช่วย จนรอดชีวิต บอกอยากขอบคุณ และชดใช้ทรัพย์สินที่เสียหายให้จากกรณี เพจ “Drama-addict” เปิดเผยภาพและข้อความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชื่นชม พร้อมตามหา สองสามีภรรยา นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ ที่ช่วยเหลือชีวิตคุณยาย วัย ๗๔ ปี ซึ่งเกิดอาการหน้ามืดพลัดตก จมหายไปในแม่น้ำป่าสัก ขณะกำลงจะลงเรือยนต์ข้ามฟาก บริเวณท่าเรือ ตลาดเจ้าพรหม ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๘ ก.พ. ๒๕๖๗ ที่ผ่านมาล่าสุด วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์๖๗ นางสุจิตตา ทองนุ่ม อายุ ๗๔ ปี ที่รอดชีวิตจาการจมน้ำ พาผู้สื่อข่าวชี้จุดเกิดเหตุที่พลัดตกน้ำแล้วจมหายไปในแม่น้ำป่าสัก ขณะกำลังลงเรือข้ามฟาก โดย นางสุจิตรา ยังคงมีอาการหวาดกลัว และผวาทันทีที่เห็นท่าเรือและแม่น้ำนางสุจิตรา เผยว่า วันเกิดเหตุตนเองต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปเข้าคิวรับการตรวจโรคประจำตัว ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ต้องเจาะเลือดและตรวจหลายอย่าง ใช้เวลานาน หลังการตรวจเสร็จโดยปกติแล้วจะนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อกลับบ้านพัก ใน ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา เลยทันที แต่ในวันนั้นเนื่องจากที่ชาร์จโทรศัพท์เสีย จึงมาหาซื้อที่ชาร์จโทรศัพท์ที่ร้านบริเวณตลาดเจ้าพรหม ใกล้กับท่าเรือข้ามฟากที่เกิดเหตุ หลังจากซื้อของเสร็จจึงได้ใช้วิธีนั่งเรือข้ามฟากเพื่อไปยังฝั่งสถานีรถไฟอยุธยา แล้วกลับบ้านพัก ช่วงที่เรือกำลังเข้าจอดที่ท่าเรือ ร่างกายอ่อนเพลีย ตนเองเกิดอาการหน้ามืดแล้วพลัดตกไปในแม่น้ำป่าสัก จังหวะนั้นในเรือมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งหมดกำลังขึ้นจากเรือ โดยยกจักรยานขึ้นมาจากเรือด้วย ตนเองว่ายน้ำไม่เป็น ช่วงที่ตนเองตกลงไปในแม่น้ำมีความรู้สึกว่าจมไปลึกมาก ไม่คิดว่าตนเองจะรอดชีวิตแล้ว ระหว่างนั้นนึกถึงหลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปที่ตนเองนับถือ แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีมีคนช่วยเหลือขึ้นมาจากแม่น้ำ และมีชาวต่างชาติสองสามีภรรยากอดตนเอง และให้กำลังใจตนเองอยู่ มาทราบภายหลังว่าสองสามีภรรยาเป็นคนช่วยชีวิต โดยสามีได้ทิ้งจักรยานกระโดดลงไปช่วยตนไว้ ซึ่งทรัพย์สินของชาวต่างชาติ ทั้งโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป แว่นตา เงินสด จมน้ำไปด้วยมีมูลค่าหลายแสนบาท ช่วงนั้นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้สอบถามรายละเอียดอะไรมากว่าเป็นคนสัญชาติอะไร อยู่ที่ไหน หรือขอช่องทางการติดต่อเอาไว้ทั้งนี้ สามีภรรยาชาวต่างชาติได้บอกตนว่า ปลอดภัยแล้ว และไม่ต้องการอะไรตอบแทน และว่ามีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือให้คนรอดชีวิต ช่วงนั้นได้แต่เพียงให้คนช่วยถ่ายภาพสองสามีภรรยาชาวต่างชาติและตนเองเอาไว้ พร้อมกับเล่าเรื่องราวให้ลูกสาวฟังซึ่งทำงานอยู่ต่างจังหวัด ลูกสาวได้พยายามติดต่อหาสองสามีภรรยาชาวต่างชาติ เพื่อจะชดใช้ค่าเสียหายของทรัพย์สิน และจะกล่าวขอบคุณ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้นำเรื่องราวโพสต์ลงสื่อโซเชียล เพื่อตามหา นอกจากนี้ เหตุการณ์ในวันนั้นยังมีชาวเรือที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยตนเองด้วย ซึ่งได้ขอบใจและมอบสินน้ำใจรางวัลให้ แต่ก็ปฏิเสธที่จะไม่รับ รู้สึกซึ้งน้ำใจของคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้ช่วยเหลือตนเองเป็นอย่างมาก ทำให้ตนเองรอดชีวิตมาได้ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นางสาวทับทิม ไทยสุมัง อายุ ๔๕ ปี ผู้ประกอบการเดินเรือยนต์ลากจูง ซึ่งจอดเรืออยู่ใกล้กับท่าเรือข้ามฟากพอดี ซึ่ง นางสาวทับทิม เล่าว่า วันเกิดเหตุกำลังทำกับข้าวอยู่บนเรือ เห็นคุณยายพลัดตกจากเรือพอดี จึงได้รีบออกมาเพื่อจะช่วยเหลือ ระหว่างนั้นเห็นชาวต่างชาติกระโดดน้ำลงไปช่วยแล้วดึงคุณยายขึ้นมาพ้นเหนือน้ำ และภรรยาของชาวต่างชาติได้ช่วยกันดึงคุณยายขึ้นจากน้ำ แต่ดึงไม่ไหว ตนเองจึงได้เข้าไปช่วยนำคุณยายขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย วันนั้นถ้าเกิดชาวต่างชาติไม่กระโดดลงไปช่วยทันที คุณยายอาจจะจมน้ำไปแล้ว ซึ่งตนภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคุณยาย และไม่หวังจะได้อะไรตอบแทน ทั้งยังห่วงว่าตอนนี้อาการคุณยายจะเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้น นางสาวทับทิม ได้เดินเข้าไปพบกับคุณยายเข้า โดยคุณยายกล่าวขอบคุณและยกมือไหว้ในความมีน้ำใจที่ได้ช่วยเหลือให้ตนเองได้รอดชีวิตคุณยายสุจิตรา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝากสื่อได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ติดตามหาสองสามีภรรยาชาวต่างชาติที่ได้ช่วยเหลือชีวิตของตนเองจนทรัพย์สินสูญหายและเสียหายด้วย ทางครอบครัวอยากชดใช้ความเสียหาย และขอบคุณในความมีน้ำใจที่ช่วยเหลือตนเองให้รอดชีวิต.