Thursday, 19 December 2024

“ชาดา” ปูด มีหลักฐาน ผู้ช่วย สส. อยู่เบื้องหลังทะลุวัง ลั่นถ้าไม่จริงไม่พูด

“ชาดา ไทยเศรษฐ์” อัดอั้น บอก กลุ่มป่วนขบวนเสด็จ มีขบวนการอยู่เบื้องหลัง มีผู้ช่วย สส.ส่งเงินให้ ด้าน “รังสิมันต์ โรม” แนะควรส่งญัตติปรับปรุงกฎหมายอารักขาเข้าสู่การพิจารณา กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ด้วยเมื่อเวลา ๑๕.๕๗ น. วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภา เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ปรับปรุงกฎหมายถวายอารักขาขบวนเสด็จ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ สส.อุทัยธานี ลุกขึ้นอภิปรายใช้สิทธิพาดพิง กล่าวว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับสถาบันในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่นั่งดูมาโดยตลอด และดูการกระทำของเด็กๆ และเหตุที่เกี่ยวเนื่องมาตลอดเวลา หากการกระทำต่างๆ เกิดขึ้นจากเด็ก จากความรู้สึก ด้วยความธรรมชาติ ก็เป็นอีกเรื่อง แต่ปัญหาคือมันมีผู้อยู่เบื้องหลัง มอบเงินให้เด็ก มีต่างชาติไปประกันตัวให้ รวมถึงไปกดดันที่โรงพัก ซึ่งตลอด ๔ ปี คนไทยก็เจ็บปวดพอสมควร อีกทั้งยังเกิดจากคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะเข้ามาข้องแวะ และสร้างความเสื่อมให้กับสถาบัน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้หากจะเอาพื้นที่พูดคุย ต้องเป็นความต้องการของคนไทย แต่นี่มันไม่ใช่“ต้องยอมรับสิ่งที่พระองค์เสด็จฯ ไป ไม่ได้ไปเที่ยว ไปพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้อง และช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อันนี้ต้องมาดูด้วยว่าเราจะมาพูดว่าเด็ก หรือใครก็ตาม ถามว่ามันเกิดจากจิตใจเขาจริงๆ หรือไม่ หรือเกิดจากการปลุกปั่นยุยงเป็นขบวนการ อันนี้เป็นปัญหาที่ต้องคิด และคนไทยต้องนึกด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง ทำแบบนี้เพื่ออะไร คนไทยรับได้กับขบวนเสด็จ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ หรือการกดดัน มันเกิดจากขบวนการ เกิดจากบุคคลที่หาเหตุ” นายชาดา กล่าวนายชาดา กล่าวอีกว่า ถ้าจะพูดเรื่องนี้ต้องพูดกันยาว และตนเองเชื่อว่าถ้าเรามีจิตบริสุทธิ์ต่อเรื่องนี้ พื้นที่ยังมี ไม่ใช่ใช้พฤติกรรมเหล่านี้ที่ไม่สร้างสรรค์ การกระทำที่สร้างความปั่นป่วนสร้างความเสื่อมเสียต่อองค์พระประมุข จึงขอให้ไปทำความเข้าใจว่าองค์พระประมุขคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และอย่านำโยงไปสู่ความเสื่อมเสียของประมุขของประเทศ มันจะนำมาซึ่งความเสียหาย“ผมไม่อยากจะพูดว่ามีหลักฐานเอกสารอยู่ในมือผม ว่าใครสนับสนุนเงินทอง หรืออะไรก็ตาม” นายชาดา กล่าว ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกอภิปรายว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ยินดีที่จะรับเรื่องนี้เข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ และจะเชิญนายชาดามาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการความมั่นคง เนื่องจากเป็นผู้ใช้สิทธิ์ในการอภิปรายค่อนข้างมาก โดยตนพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในเรื่องนี้เพื่อพิจารณาต่อไปในชั้นกรรมาธิการแต่นายชาดาขอใช้สิทธิ์พาดพิง ยืนยันว่าตนเองมีข้อมูลอยู่ในมือหากอยากดู ซึ่งตนเองไม่อยากสร้างความขัดแย้ง แต่ท่านเริ่มก่อน โดยสิ่งที่ตนเองพูดมีหลักฐานแต่ยังจับไม่ได้ หากถึงเวลาถูกดำเนินคดีแน่นอน “ถ้าถามว่าใคร ถ้าอยากจะรู้ เดี๋ยวจะตอบให้ ว่าเป็นผู้ช่วย สส.ท่านใดที่ส่งเงินให้ขบวนการพวกนี้ ผมบอกว่าอย่าเอาผมเข้าไปสู่องค์ประกอบให้มันครบ อยากเรียนให้ทราบว่าคนอย่างผมถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด และสิ่งสำคัญคือมันอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน แต่ผมกล้าพูด กล้าพูดว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องห่วงความจริงจะต้องเปิดออกมาอย่างแน่นอน หากจะใช้กลไกทางสภาถือเป็นเรื่องดี” นายชาดา กล่าวทำให้ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่านายชาดา ใช้สิทธิ์อภิปรายตามข้อบังคับใด นายชาดา จึงใช้สิทธิ์ประท้วงกลับว่า ตนเองใช้สิทธิ์พาดพิง แต่ น.ส.รักชนก ไม่ได้ฟังว่ามีคนเอ่ยชื่อตน และได้ยินทั้งสภา แต่ไม่เป็นไร ความจริงคือความจริงด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายว่า ไหนๆ จะมีการศึกษาในเรื่องนี้ ควรส่งให้กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ พิจารณาด้วย ซึ่งเป็นข้อเสนอเพิ่มเติม ไม่ได้ลบล้าง หรือขัดหรือแย้งกับสิ่งที่สภาฯ เสนอก่อนหน้านี้ แต่อยากให้ครอบคลุมรอบด้าน และนำไปสู่การแก้ไขในอนาคต จึงขอให้พิจารณาในประเด็นนี้ แต่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ญัตติทั้ง ๒ ฉบับ ระบุไว้ตั้งแต่ต้นว่าให้ส่งไปที่รัฐบาล และ กรรมาธิการนิรโทษกรรม ไม่ได้มีบอกให้ส่งไปที่กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ แต่นายณัฐวุฒิแย้งว่า ขอให้ประธานในที่ประชุมพิจารณาเพิ่มเติมว่าจะสามารถส่งให้กับกรรมาธิการเพิ่มอีก ๑ คณะ ได้หรือไม่ หากยังมีความเห็นที่แตกต่างก็ต้องลงมติกัน แต่ถ้าทำไม่ได้ต้องบันทึกไว้เพื่อเป็นบรรทัดฐานกับญัตติอื่น จึงขอให้ใช้ทั้ง คณะรัฐมนตรี และกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ พิจารณาประกอบกันจากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงขอให้วิปรัฐบาลไปหาข้อยุติกันว่าจะเอาอย่างไร จากนั้นที่ประชุมเห็นตรงกันได้ข้อสรุปว่าให้ส่งญัตติไปที่คณะรัฐมนตรี และกรรมาธิการนิรโทษกรรม ส่วน กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ประธานสภาจะส่งเอกสารให้ตามคำขอ.