Thursday, 19 December 2024

สุดซึ้ง นักโทษหนุ่ม-แฟนสาว ประคองรัก ๓ ปี ยึดความเชื่อใจ รอวันอยู่ด้วยกัน

14 Feb 2024
118

“นนทบุรี” นักโทษหนุ่ม-แฟนสาว ประคองรัก ๓ ปี รอพ้นโทษไปอยู่ด้วยกัน ฝ่ายชายรับกังวลเพราะฝ่ายหญิงอยู่ข้างนอก มีโอกาสเจอคนเยอะแยะ แต่ที่ผ่านมาก็ยังสบายใจ-รักผู้หญิงคนนี้มาก ขณะที่ฝ่ายหญิงบอกไม่ต้องห่วง-ลั่นยึดมั่นความเชื่อใจ รอวันฝ่ายชายพ้นโทษ-นานแค่ไหนก็จะรอ เมื่อวันที่ ๑๔ ก.พ. ๖๗ ที่ร้านหับเผย by เรือนท่านนท์ เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี วันวาเลนไทน์ปีนี้นอกจากความรักของคนทั่วไปแล้วยังมีอีกหนึ่งความรักที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือคู่รักระหว่างผู้ต้องขัง และแฟนสาว ซึ่งทั้งคู่ไม่สามารถรักกันได้อย่างคนปกติทั่วไป เพราะความรักที่มีกำแพงกั้น และไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ยิ่งทำให้คู่รักยิ่งต้องมีความเชื่อใจ และไว้ใจกันมากกว่าเดิม โดย นายเอ (นามสมมติ) อายุ ๔๐ ปี (ผู้ต้องขัง) ต้องโทษ ๖ ปี ๓ เดือน กล่าวว่า ตอนนี้ตนเหลือรับโทษอีก ๓ ปี ๓ เดือน เป็นนักโทษชั้นดี ที่ทางเรือนจำจังหวัดนนทบุรีให้ออกมาทำงานสาธารณประโยชน์ เช่นการลอกท่อ ฯลฯ ตามเกณฑ์ที่ทางเรือนจำกำหนด ซึ่งในวันนี้หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จแล้วก็มีแฟนสาวมารอเยี่ยมอยู่ที่เรือนจำ เนื่องจากตนเป็นนักโทษชั้นดี ทางเรือนจำจึงได้ให้สิทธิการเยี่ยมมากกว่าผู้ที่ต้องโทษอยู่ด้านในเรือนจำ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของเรือนจำในการเยี่ยมอย่างเคร่งครัด เพียงแต่แฟน หรือญาติ สามารถมาเยี่ยมได้อย่างใกล้ชิด ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งในวันนี้เป็นวันพิเศษวันวาเลนไทน์ ตนรู้สึกดีใจมากที่แฟนตนมาเยี่ยมวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเวลาเยี่ยมแค่ ๑๕ นาทีก็ตาม ที่ผ่านมาแฟนของตนเข้ามาเยี่ยมตนเป็นประจำ ตั้งแต่ตนยังอยู่ข้างในเรือนจำ ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างจากการเยี่ยมแบบนี้ ตนรู้จักกับแฟนมา ๖ ปี ตั้งแต่ยังเป็นนักดนตรีอยู่ข้างนอก จนกระทั่งตอนนี้ตนเป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ แต่แฟนก็ยังคอยดูแลลูกของตนไม่เคยขาดตกบกพร่อง ยิ่งทำให้ตนรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ก็มีกังวลอยู่บ้างเพราะเขาอยู่ข้างนอก มีโอกาสเจอคนเยอะแยะ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ ตนรักผู้หญิงคนนี้มาก และรอคอยวันที่พ้นโทษออกไปดูแลครอบครัว ด้าน น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ ๓๗ ปี (แฟนของผู้ต้องขัง) เล่าว่า ที่ผ่านมาตนเข้ามาเยี่ยมแฟนตลอด มีพาลูกๆ ของแฟนมาเยี่ยมด้วย พอเขาเห็นลูกๆ เขาก็ดีใจ มีเรื่องอะไรก็จะบอกเขาตลอด ตนอยากให้เขาสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่บ้าน ตนจะดูแลอย่างดี ในเรื่องของความรักที่ผ่านมานั้นเพราะมีความเชื่อใจ และไว้ใจกัน ก็อยากบอกว่ารักเขามาก และจะรอวันที่เขาพ้นโทษ ไม่ว่านานแค่ไหนตนก็จะรอวันที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน นายประจวบ ไชยชมภู หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตนให้ผู้ต้องขังที่ออกมาทำงานนอกเรือนจำได้สิทธิ์พบปะกับญาติอย่างใกล้ชิด โดยให้ญาติที่มาเยี่ยมไปลงทะเบียนตามปกติ และเอาบัตรเยี่ยมมาติดต่อกับผู้ดูแลเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ต้องขังข้างนอก เราได้ให้พูดคุยนั่งกินข้าวอย่างใกล้ชิด ถือว่าผู้ต้องขังที่ได้ออกมาทำงานข้างนอกสมควรได้รับมากกว่าผู้ต้องขังทั่วไป โดยต้องอยู่ในกฎระเบียบของทางเรือนจำ และกรมราชทัณฑ์กำหนดไว้ ให้พูดคุยได้ตามปกติ แต่ห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ให้เสมือนว่าอยู่ในเรือนจำ เพราะผู้ต้องขังชุดนี้ได้ออกมาทำประโยชน์ให้เรือนจำ กรมราชทัณฑ์ ถือว่าเป็นการให้สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น จากผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำ ซึ่งการพบญาติอย่างใกล้ชิดจะไม่ได้มีบ่อย ถือว่าผู้ต้องขังชุดนี้มีความเรียบร้อย เข้าเกณฑ์ออกทำงานนอกเรือนจำ ซึ่งเหลือโทษอีกไม่กี่เดือนก็จะพ้นโทษกลับไป ก็จะมีความพร้อมที่จะออกไปสู่สังคมและครอบครัว การที่จะมาเยี่ยมก็สามารถไปที่ห้องเยี่ยมญาติ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าขอเยี่ยมผู้ต้องขังโดยการใช้สิทธิ์เยี่ยมจากปกติ พอได้บัตรคิวก็ถือบัตรมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ต้องขังนอก ทางเราก็จะจดลงสมุดเยี่ยม และชื่อสำหรับติดต่อมีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้ต้องขัง เพื่อเป็นหลักฐานไว้ ถ้าเป็นของกิน หรือของใช้ที่จะฝากให้ผู้ต้องขัง ก็ต้องส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน เพื่อป้องกันสิ่งของต้องห้ามที่จะหลุดรอดเข้าไป ก็ต้องอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ ๑ คน ทางเจ้าหน้าที่จะให้เยี่ยมประมาณ ๒๐ นาที จะให้มาเยี่ยมได้ ๒ ครั้ง ต่อ ๑ สัปดาห์ “ขอฝากกว่าผู้ต้องขังที่สามารถออกมาทำงานข้างนอกได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่ามีความประพฤติเรียบร้อย ผู้ต้องขังขั้นดีขึ้นไปได้รับโอกาสให้ออกมาทำงานนอกเรือนจำเป็นการปรับตัว เตรียมตัวที่จะออกไปสู่สังคม นอกจากนี้ก็ยังมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือของผู้ต้องขังทั้งหมด ส่วนหนึ่งเขาก็จะได้เงินเป็นทุนไปประกอบอาชีพภายนอกหลังจากพ้นโทษ นอกจากจะมีอาชีพติดตัวแล้วยังได้เงินปันผลจากงานที่เขาทำ ซึ่งก็มีนักโทษที่พ้นโทษไปแล้วก็ไปประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ก็ได้แนวคิดจากการออกมาทำงาน แล้วนำไปประกอบอาชีพ ถือว่าเป็นตัวอย่างให้กับคนที่ยังอยู่ เขาได้จุดประกายความคิดให้กับเขา ก็อยากให้บุคคลภายนอกให้โอกาสผู้ต้องขังได้กลับตัว และอยู่กับสังคมอย่างปกติสุข ซึ่งเรือนจำก็ยินดีที่เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ให้โอกาสผู้ต้องขังถือว่าก้าวพลาดทุกคน เพราะว่าทุกคนไม่รู้หรอก หรืออาจจะเป็นตัวเองที่ก้าวพลาดทุกคนมีโอกาส ส่วนคนที่กลับตัวกลับใจเข้าสู่สังคม อยากให้ทุกคนให้โอกาสพวกเขาด้วย.