รทสช.-ปชป.ชงญัตติด่วนจี้สังคายนา พ.ร.บ.-ระเบียบ ถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ “เอกนัฏ” บี้รื้อระเบียบปี ๒๕๔๘ หวั่นกลายเป็นแฟชั่นซ้ำรอยโศกนาฏกรรมเจ้าหญิง ไดอาน่า “จุรินทร์” จวกนายกฯแอ็กชันรับผิดชอบช้า ต้องใช้กฎหมายเคร่งครัด ไม่หนุนนิรโทษ คดี ม.๑๑๒ เพิ่มโทษคนละเมิด พระราชบัญญัติความปลอดภัยปี ๒๕๖๐ “วิโรจน์” แนะแก้ ม.๕ ถวายความปลอดภัย ไม่ให้กระทบประชาชนมากเกินควร “รังสิมันต์- ชาดา” ปะทะเดือด ตอบโต้หนุนหลังสองขั้ว “โรม” โชว์ภาพ กระทรวงมหาดไทย๒ ถ่ายคู่กลุ่ม ศปปส. โวยนายกฯไม่ทำ หน้าที่ผู้ใหญ่ที่ดี เขียนเช็คเปล่าให้คนใช้ความรุนแรง “ชาดา” สวนเลวทราม เจตนาสร้างความแตกแยก ศาลไม่ให้ประกัน “ตะวัน-แฟรงค์” ส่งฝากขังศาลอาญา “สายน้ำ” รอดคุกได้ปล่อยตัวชั่วคราว ห้ามร่วมกิจกรรมก่อเหตุวุ่นวาย พท.ยัน “ทักษิณ” พักโทษ ไม่กระทบรัฐบาล ติงคิดไกลไปกลับมารวบอำนาจจากกรณีมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อเหตุขับรถขัดขวางขบวนเสด็จ จน สส.พรรครวมไทย สร้างชาติ (รทสช.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เสนอญัตติด่วนขอให้สภาฯพิจารณาทบทวนมาตรการ อารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ชงญัตติด่วนทบทวน รปภ.ขบวนเสด็จเมื่อวันที่ ๑๔ ก.พ. ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีวิปรัฐบาลหารือญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาฯพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จจะเข้าพิจารณาทุกพรรคส่งผู้อภิปรายให้ความสนใจประเด็นเหล่านี้มาก เพราะประชาชนวิตกกังวลความปลอดภัยของขบวนเสด็จพระราชดำเนิน ถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อเสนอให้รัฐบาลรับไปดำเนินการ การก่อกวนขบวนเสด็จไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและฝ่ายความมั่นคงล่าช้าทำให้ปัญหาลุกลามเกิดการปะทะกัน ดังนั้น ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายจริงจังรวดเร็ว และรอบคอบ ตำรวจควรทบทวนมาตรการดำเนินการไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก ถ้าตำรวจดำเนินการเร็ว ปัญหาจะไม่บานปลาย ถ้าบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงใจและไม่เกรงกลัวใคร ยึดหลักนิติรัฐ ทุกฝ่ายจะยอมรับ ความสงบจะเกิดขึ้นนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวว่า สัญญาณที่เราจะส่งไปถึงเจ้าหน้าที่คือไม่ต้องกังวลกระแสทางการเมืองหรือความขัดแย้งทางการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่อย่างเดียวคือการบังคับใช้กฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด“วรชัย” ขุดอดีตดึงสติเคลื่อนไหวให้ระวังนายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯให้สัมภาษณ์กรณีการขัดขวางขบวนเสด็จว่า เป็นการกระทำไม่สมควรอย่างยิ่ง คนไทยรับไม่ได้ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมติดตามคนที่อยู่เบื้องหลังให้มาร่วมรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความผิดไปให้เด็กๆอย่างเดียว เราเห็นประวัติศาสตร์จาก ๖ ตุลาคม๑๙ ที่เหตุการณ์เกิดจากความเห็นต่าง ความขัดแย้งทางความคิดเห็นแล้วเกิดการปะทะ จนบานปลายนำไปสู่การเสียชีวิตของคนไทย แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจ เพราะมีไอ้โม่งอยู่ข้างหลังคอยชักใย วันนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆที่แสดงออกมา อาจมีไอ้โม่งคอยสุมไฟอยู่ข้างหลัง ขอให้ทุกคนที่อยากแสดงออกถึงความคิดของตัวเองให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตเป็นบทเรียน จะทำอะไรทุกย่างก้าวต้องมีเหตุผล อยู่ในขอบเขตกฎหมาย ไม่เปิดช่องว่างให้ใครเข้ามาสร้างสถานการณ์ทำให้บานปลาย ฉกฉวยโอกาสปล้นอำนาจของประชาชนไปเหมือนเหตุการณ์หลายครั้งที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทยรทสช.-ปชป.จี้ใช้ ก.ม.เข้ม รื้อระเบียบเมื่อเวลา ๑๒.๓๐ น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ๒ ญัตติ เรื่องการ ขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผนและมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม นายเอกนัฏกล่าวว่า เหตุการณ์ก่อกวนขบวนเสด็จวันที่ ๔ กุมภาพันธ์๒๕๖๗ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ ๑.บังคับใช้กฎหมายทันที ไม่ใช่การล่าแม่มด ๒.ทบทวนระเบียบมาตรการต่างๆในการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ถ้าไม่ทบทวนจะเกิดแฟชั่นค่านิยมใหม่ ถ้าบานปลายกว่านี้อาจเกิดเหตุเหมือนที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงไดอานา ต้องปรับเปลี่ยนระเบียบเดิมใช้ปี ๒๕๔๘ ไม่สอดคล้องสถานการณ์ ภารกิจถวายความปลอดภัยไม่มีที่ใดในโลกไม่ส่งผลต่อประชาชน แต่ต้องประชาสัมพันธ์ว่าการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จมีผลกระทบอะไรบ้าง เชื่อว่าประชาชนพร้อมให้ความร่วมมือ“จุรินทร์” จวกนายกฯรับผิดชอบช้านายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ประสงค์จะทำให้กลายเป็นเรื่องการเมือง แต่ต้องยอมรับว่านายกฯออกมาส่งสัญญาณแสดงท่าทีความรับผิดชอบช้าจริงๆ หลังเกิดเหตุป่วนขบวนเสด็จ ๗-๘ วันถึงเรียก ผบ.ตำรวจมาหารือ ขอเสนอ ๔ ข้อเพื่อให้สภาฯมีมติส่งความเห็นให้รัฐบาลพิจารณา ๑.รัฐบาลต้องตระหนักหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามกฎหมาย ๒.ให้รัฐบาลยึดหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด ๓.รัฐบาลต้องไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีมาตรา ๑๑๒ และ ๔.รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสมควรปรับปรุง พระราชบัญญัติถวายความปลอดภัยปี ๒๕๖๐ หรือไม่ โดยเพิ่มเติมบทลงโทษเฉพาะกับผู้ละเมิด พระราชบัญญัติฉบับนี้ และทบทวนกฎระเบียบมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมด้วยหรือไม่“วิโรจน์” จวกใช้ ก.ม. สองมาตรฐานนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า การรบกวนการอารักขาความปลอดภัยเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตระหนักคือการทำให้กระบวนการอารักขามีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลกระทบประชาชนน้อยที่สุด ทางออกที่เป็นรูปธรรมคือทบทวน พระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย มาตรา ๕ ควรเพิ่มเติมให้การปฏิบัติงานถวายความปลอดภัยคำนึงถึงประชาชน ไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินควร และเตรียมแผนอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในกรณีจำเป็น การบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลต้องเสมอภาค ไม่ใช่เล่นงานจัดหนักจัดเต็มอีกฝ่ายลอยนวล สองมาตรฐาน ต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเรื่องสถาบัน ไม่ใช่แค่ในสภาฯ แต่หมายถึงเวทีสาธารณะทั่วไป ถ้าผลักคนเห็นต่างเป็นศัตรูเราจะเห็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่สบายใจเกิดขึ้น ใช้น้ำมันดับไฟไม่ได้ ความรุนแรงแก้ความรุนแรงไม่ได้ ขอให้เลิกกล่าวหามีคนอยู่เบื้องหลัง ทำไมไม่ตั้งคำถามถึงคนใช้ความรุนแรง แต่ไม่ถูกเอาผิด อย่างนี้ต่างหากมีคนอยู่เบื้องหลัง ทำผิดแล้วไม่ถูกดำเนินคดี“โรม” เตือนสติหยุดความรุนแรงนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือการสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ทำร้ายร่างกายนักเคลื่อนไหว แต่ไม่ถูกดำเนินคดี ถ้านักเคลื่อนไหวผิดจริงก็เข้าใจ แต่การจะปรับใช้กฎหมายต้องโปร่งใสกับความผิดที่เกิดขึ้นจริง วันนี้ความผิดกับกฎหมายที่จะปรับเปลี่ยนได้สัดส่วนกันหรือไม่ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ไม่จบสิ้น ผิดหวังกับท่าทีนายกฯ ไม่ทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ไม่เรียกร้องให้ใช้กฎหมายกับผู้ก่อความรุนแรง เขียนเช็คเปล่าให้ผู้ใช้ความรุนแรงหรือไม่ นักเคลื่อนไหวพยายามเสนอวิธีแลกเปลี่ยนความเห็นที่อาจเสียดแทงจิตใจประชาชน เขาไม่ได้ลงมือทำร้ายใคร วันนี้เห็นสัญญาณชัดเจนกลุ่ม ศปปส.ปลุกปั่นในโซเชียลขู่ฆ่านักเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย พูดถึงการเนรคุณแผ่นดิน การปลุกปั่นเช่นนี้ทำให้สถานการณ์ร้ายแรงกว่าความเป็นจริง ผีที่สร้างขึ้นมาจากพวกท่านเอง ขอใช้โอกาสนี้เตือนสติ หากความรุนแรงเกิดขึ้นโดยผู้ใช้ความรุนแรงไม่ต้องรับผิดชอบ คนจะหาว่ารัฐบาลคือคนอยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ “ชาดา” เดือดด่าพฤติกรรมเลวทรามจากนั้นนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย ลุกประท้วงทันที เนื่องจากถูกพาดพิงให้เข้าใจผิด เพราะระหว่างที่นายรังสิมันต์อภิปรายได้นำรูปนายชาดาถ่ายคู่กับกลุ่ม ศปปส.มาแสดงในห้องประชุม พร้อมข้อความของกลุ่ม ศปปส.ว่า “พรุ่งนี้เจอปะทะ ไม่เจรจา ทำดีไม่ได้ อย่าเนรคุณ เจอกันพรุ่งนี้ ทะลุวัง” มี สส.พรรคร่วมรัฐบาล และพรรค ปชป.บางส่วนราว ๑๐ คน มายืนให้กำลังใจนายชาดาอยู่ด้านหลัง โดยนายชาดากล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังด้วยท่าทีไม่พอใจว่า ภาพที่นำมาประกอบส่อเจตนาไม่ดี สร้างความแตกแยก ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ไม่สร้างสรรค์ ปากบอกต้องการความสงบแต่พฤติกรรมเลวทรามมาก ไม่รู้ประธานให้ปล่อยภาพนี้ได้อย่างไร ใครอนุญาตมีวิจารณญาณ มีสมองไหมต้องมาขอโทษตน ตนพร้อมถ่ายรูปกับทุกคน แต่เขาจะเอาไปทำอะไรต่อ ไม่รู้ ไม่เกี่ยว อย่ามาพูดดีแต่ปฏิบัติไม่ดี เล่นใต้ดินลั่นถ้าอยู่เบื้องหลังสนุกกว่านี้ต่อจากนั้น นายรังสิมันต์ชี้แจงว่า การเอารูปขึ้นสไลด์เป็นอำนาจประธานพิจารณา การเอารูปถ่ายของรัฐมนตรีมาโชว์ทำได้อยู่แล้ว เพราะรัฐมนตรีมีสิทธิชี้แจงได้ ขอให้ใจเย็นๆ การขึ้นรูปไม่ได้ปรักปรำว่า ท่านอยู่เบื้องหลัง ประโยคที่นำมาขึ้นรูปประกอบเป็นคำพูดผู้ก่อเหตุรุนแรง นักการเมืองมักถูกโยงไปอยู่กลุ่มต่างๆตลอดเวลา ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นอยากให้มีสติกัน นายชาดาตอบโต้ว่า เชื่อว่านายรังสิมันต์ส่อเจตนาไม่ดี มีเจตนาบอกว่าตนอยู่เบื้องหลัง ถ้าอยู่เบื้องหลังจริงสนุกกว่านี้เยอะ อย่าให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสภาฯ ท่านไม่ใช้สติในการพิจารณา คนไทยทุกคนยอมรับได้แม้ว่าจะรอนานเท่าไร ถ้ายอมรับไม่ได้ไปอยู่ประเทศอื่นยันมีหลักฐานหนุนหลังเงินเด็กนายชาดากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้อยู่เบื้องหลังมอบเงินให้เด็ก มีต่างชาติไปประกัน กดดันที่โรงพัก สิ่งสำคัญคือมีเงินสนับสนุนจากบางคนบางกลุ่มทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกของคนทั้งชาติ แต่เกิดจากคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามเข้ามาข้องแวะให้เกิดความเสื่อมของสถาบัน คำถามคือสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากจิตใจของเด็กจริงหรือไม่ หรือเกิดจากการปลุกปั่นยุยงอย่างเป็นกระบวนการ ต้องคิดด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลังเด็กเหล่านี้ ตนมีเอกสารและข้อมูลอยู่ในมือว่าใครสนับสนุนเงินบ้าง ปูดผู้ช่วย สส.ส่งเงินขบวนการป่วนกระทั่งเวลา ๑๖.๒๐ น. หลังสมาชิกอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาประธานการประชุม กล่าวว่า หากไม่มีผู้ใดคัดค้านจะส่งเนื้อหาญัตติด่วนด้วยวาจาไปให้รัฐบาล และ กมธ.วิสามัญศึกษาการออก พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรค ก.ก. เสนอว่า อยากให้มีการส่งหลักฐานการรับเงินจากขบวนการต่างๆไปให้รัฐบาลพิจารณาด้วย รวมถึงให้ส่งหลักฐานให้คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาฯพิจารณาอีกทางด้วย ไม่ใช่การใส่ร้ายกันลอยๆ ทำให้นายชาดาลุกขึ้นยืนยันว่า มีข้อมูลอยู่ในมือจริง เป็นหลักฐานข้อมูลทางราชการ แต่ยังจับไม่ได้ ถึงเวลาดำเนินคดีแน่นอน ถ้าอยากรู้จะบอกว่าเป็นผู้ช่วย สส.คนใด ส่งเงินให้ขบวนการพวกนี้ คนอย่างตนถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ไม่ต้องห่วงความจริงต้องเปิดออกมาแน่ ท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติให้ส่งเนื้อหาญัตติและหลักฐานต่างๆให้รัฐบาล กมธ.วิสามัญศึกษาการออก พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐพิจารณาต่อไปเดินปรี่เคลียร์ใจ สส.คู่กรณีผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายชาดาได้เดินปรี่เข้าไปพูดคุยกับ สส.พรรคก้าวไกล ในห้องประชุมสภาฯ โดยมีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ยืนอยู่ด้วย เพื่อทำความเข้าใจประเด็นที่มีการนำรูปนายชาดาถ่ายกับกลุ่ม ศปปส.ไปโชว์ระหว่างการอภิปราย ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ ๕ นาที จากนั้นนายชาดาได้เดินกลับออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมท.๒ นำมวลชนถวายกำลังใจก่อนหน้า เมื่อเวลา ๐๘.๐๐ น. ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช. มหาดไทย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผวจ.อุทัยธานี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการและประชาชนกว่า ๑๒,๐๐๐ คน นัดรวมตัวกันสวมใส่เสื้อสีม่วงและสีเหลือง ร่วมร้องเพลงชาติ ก่อนตัวแทนของประชาชนและนักเรียน เป็นผู้กล่าวแสดงจุดยืนปกป้อง และถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสถาบันพระมหากษัตย์ จากนั้น ผวจ.อุทัยธานี ได้รับมอบเอกสารจากตัวแทนมวลชนที่ร่วมกันลงนามแสดงถึงพลังปกป้องสถาบัน ก่อนจะพากันเดินไปยังบ้านเลขที่ ๙๐๕ ของกรมสมเด็จพระเทพฯเพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีสพม.รวมตัวใส่ม่วงถวายพระพรที่บริเวณเสาธง หน้าอาคารมัธยม ๑ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ (สพม.บุรีรัมย์) ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ นางระพีพรรณ มะลิพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ พร้อมด้วยข้าราการและบุคลากรในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อผ้าโทนสีม่วง ร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติไทย สวดมนต์ และกล่าวคำปฏิญาณการเป็นข้าราชการที่ดี ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีคนตราดออกแถลงการณ์ปกป้องขณะที่นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผวจ.ตราด นายณรงค์ เทพเสนา และนายพีระ เอี่ยมสุนทร รอง ผวจ.ตราด นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ประชาชนคนตราดกว่า ๑,๐๐๐ คน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีม่วงและสีเหลืองชูธงชาติไทยและธงสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ส.ธ.รวมพลังออกมาจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ แสดงพลังปกป้อง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กันที่หน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ หน้าศาลากลางจังหวัดตราด ก่อนอ่าน “แถลงการณ์ คนตราด” ระบุว่า เมื่อวันที่ ๔ ก.พ. กลุ่มบุคคลแสดงพฤติกรรมขัดขวางและคุกคามขบวนเสด็จ เป็นการกระทำที่บังอาจไม่เหมาะสม ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักเคารพสักการะของคนไทยและคนตราด วันนี้เรา “คนตราด” จึงได้นัดหมายกันมาเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และขอตั้งปฏิญาณว่าจะเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และจะปกป้องด้วยชีวิต ศาลไม่ให้ประกัน “ตะวัน-แฟรงค์”ที่ สถานีตำรวจนครบาลฉลองกรุง เวลา ๐๗.๒๕ น. พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดง นำสำนวนคดีพร้อมกำลังทำเรื่อง เบิกตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน อายุ ๒๒ ปี ผู้ต้องหาตามมาตรา ๑๑๖ และ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ กรณีขัดขวางขบวนเสด็จ ออกจากห้องควบคุม นำตัว ไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา ก่อนไปรับตัวนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ อายุ ๒๓ ปี ผู้ต้องหา กระทำความผิดร่วมกับ น.ส.ทานตะวัน ถูกแยกควบคุมตัว ไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลดินแดง ไปฝากขังพร้อมกันที่ศาลอาญา ระหว่างรอฝากขังมี น.ส.หยก เยาวชนอายุ ๑๕ ปี และ น.ส.อรวรรณ หรือแบม ภู่พงษ์ นักกิจกรรมทางการเมือง พร้อมแนวร่วมเดียวกันอีกส่วนหนึ่ง เดินทางมาเพื่อฟัง การไต่สวนฝากขัง ต่อมาฝ่ายผู้ต้องหายื่นคัดค้านการ ฝากขัง ศาลไต่สวนคำร้องการคัดค้านฝากขัง ก่อน มีคำสั่งอนุญาตฝากขังผู้ต้องหาทั้ง ๒ ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง ๒ ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง ก่อนคุมตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำ พิเศษกรุงเทพมหานครเผยเหตุศาลยกคำร้องคัดค้านฝากขังขณะที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ศาลไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐนนท์ในชั้นฝากขัง เนื่องจากศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าข้อหามีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ของผู้ต้องหามีลักษณะไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ก่อให้เกิด ความปั่นป่วนต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม หากปล่อยตัวชั่วคราว มีเหตุเชื่อว่าจะไปก่อเหตุอันตราย ลักษณะเดียวกัน หรือประการอื่น ทั้งอาจเป็นอุปสรรค หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือคดีในศาลทิ้ง จม.ขออดน้ำอาหารในห้องขังผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าเรือนจำ น.ส.ทานตะวัน เขียนจดหมายถึงสื่อมวลชนความว่า “นี่คือคำตอบ ที่ผู้ใหญ่ในประเทศนี้ให้กับหนู แต่หนูยืนยันที่จะสู้ ต่อไป การก้าวขาเข้าเรือนจำ เราไม่เหลืออะไรนอกจาก ร่างกายที่มีไว้ต่อสู้ หนูจะใช้ร่างกาย และจิตวิญญาณที่เหลืออยู่สู้ต่อไป หนูและแฟรงค์ จะอดอาหารและน้ำประท้วงเพื่อ ๓ ข้อเรียกร้อง โดยจะไม่ยื่นประกันตัว ๑.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ๒.ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างอีก ๓.ประเทศไทยไม่ควรได้เป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน…….ทานตะวัน ๑๔ กุมภาพันธ์๖๗”“สายน้ำ” รอดคุกศาลปล่อยตัวชั่วคราวด้านนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ ผู้ต้องหาในคดีทำให้โบราณสถานเสียหาย กรณีเขียน กำแพงพระบรมมหาราชวังถูกควบคุมตัวที่ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ถูกพนักงานสอบสวนนำตัวไปขอฝากขัง ที่ศาลอาญาเช่นกัน โดยเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. กลุ่มเพื่อน ของนายนภสินธุ์ นำอาหารและเครื่องดื่มมาเยี่ยม ที่ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ก่อนพนักงานสอบสวนควบคุมตัว ขึ้นรถควบคุมของ สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง เดินทางไปศาล โดยมีรถของกลุ่มเพื่อน และรถของตำรวจชุดสืบสวนขับประกบปิดท้ายตามกันไป ต่อมานายนภสินธุ์ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต ตีราคาประกัน ๓๕,๐๐๐ บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้ผู้ต้องหากระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาในคดี หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายบ้านเมือง ก่อนเจ้าตัวเดินทางกลับ พท.ยัน “ทักษิณ” คัมแบ็กไม่กระทบ รบ.เมื่อเวลา ๐๙.๔๐ น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงมีการตั้งข้อสังเกตการพักโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมาเป็นศูนย์รวมอำนาจการเมืองไทยอีกครั้งว่า ขณะนี้พรรค พท.เป็นปึกแผ่น มีผู้บริหาร หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ทำหน้าที่ไปเต็มที่ เป็นอิสระ เชื่อว่า การกลับมาของนายทักษิณจะไม่มีปัจจัยกระทบทาง การเมืองที่สะเทือนต่อรัฐบาล หรือพรรค พท. รัฐบาลยังเป็นปึกแผ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว. คลัง ทำงานเต็มที่ ขยันขันแข็ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่วิเคราะห์กัน ให้รัฐบาลทำงานกันไป ส่วน นายทักษิณทำหน้าที่ในฐานะประชาชน มีสิทธิวิจารณ์ การเมือง แต่พรรคการเมืองทำหน้าที่กันไป ต้องยอมรับ นายทักษิณเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาว พท. ไทยรักไทย พลังประชาชน เป็นกำลังใจให้พรรค แต่พรรคต้อง เข้มแข็ง ยืนด้วยความรู้ความสามารถของบุคลากรที่มีอยู่ ส่วนที่นายทักษิณยังมีมาตรา ๑๑๒ มีการอายัดตัวอยู่ ให้เป็นเรื่องกระบวนการ ไม่ควรไปวิจารณ์ให้ แตกแยกร้าวฉาน นายทักษิณมีทีมกฎหมายคอยดูแลอยู่ ส่วนกลุ่มเห็นต่างทุกอย่างวิจารณ์ได้ แต่ควรอยู่ในครรลองกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยติงคิดไกลไปจะกลับมารวบอำนาจนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. กล่าวถึงการต้อนรับนายทักษิณ ที่จะได้พักโทษวันที่ ๑๘ ก.พ. ว่า ยังไม่ได้คุยกัน ทุกคนดีใจที่นายทักษิณ จะได้กลับมาอยู่บ้าน นายทักษิณยังมีประโยชน์กับ ประเทศอีกมากมาย ท่านมีคอนเนกชันกับผู้นำต่างประเทศ อยู่มาก การตั้งข้อสังเกตนายทักษิณจะกลับมาเป็น ศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง ไม่อยากเห็นการ คาดคะเนไปก่อน นายทักษิณเป็นอดีตผู้นำ ใครไปถาม เรื่องราวที่มีประสบการณ์ ความรู้ ย่อมให้ความรู้ ความคิด แต่ถามว่าจะมารวบอำนาจหรือไม่ เป็นการ คิดไกลมากเกินไป จะไม่ให้ลูกไปขอความรู้จากพ่อหรือ ส่วนการตั้งข้อสังเกตการได้รับโทษของนายทักษิณ เป็นความเหลื่อมล้ำ บังเอิญเป็นคนชื่อทักษิณ ชินวัตร ทำอะไรต้องมีอีกฝ่ายแน่นอนการันตีไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯเมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าหากนายทักษิณออกมา เก้าอี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว. คลัง จะสั่นคลอนที่สุด มีโอกาสจะเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือไม่ นายครูมานิตย์ตอบว่า ยังมองไม่เห็นเรื่องจะเปลี่ยนตัว คิดว่าหัวหน้าพรรค พท. เขายังไม่ต้องการ ยังศึกษาการเมืองและประสบการณ์ให้มากกว่านี้ นายเศรษฐาทำงานดีอยู่แล้ว ไม่เห็นท่าทีว่าจะลาออก เป็นไปไม่ได้ มองไม่เห็นเลยสักมุม นายเศรษฐากำลัง สนุกกับงาน เมื่อถามว่า มั่นใจว่านายเศรษฐาจะนั่งเก้าอี้นายกฯ ครบ ๔ ปีหรือไม่ เพราะมีปัจจัยอื่น เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจทำให้นายเศรษฐาหลุดเก้าอี้ได้ นายครูมานิตย์ตอบว่า เวลาจะเป็นตัวให้ทางออก ให้ดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนไม่ได้กังวลยอมรับในเหตุผลว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร แน่นอนรัฐบาล ยังเดินหน้าแต่อาจไม่ได้ ๑๐๐% วันก่อน อาจเป็นการหาเสียง แต่เมื่อมาเจอจริงๆวันนี้แล้วปัญหามันเกิด จะให้ทำอย่างไร ต้องมาปรับให้เป็นไปตามกลไกของประเทศ“ราเมศ” ซัดเลือกปฏิบัติ ๒ มาตรฐานนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการทักท้วงตลอดระยะ เวลา การต้องโทษจำคุกของนายทักษิณ การพักรักษาตัว ที่ รพ.ตำรวจ กรณียังไม่ติดคุกเหมือนประชาชนนักโทษ รายอื่น เป็นการใช้ทฤษฎีเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน คือคำถามที่สังคมรอคำตอบจากรัฐบาลและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง แต่ล่วงเลยเวลามา ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงแล้ว การได้รับการพักโทษเป็นสิทธิที่นายทักษิณได้รับ เป็นการทำงานสอดรับสอดคล้องกันเป็นระบบ ถ้าติดคุก จริงก่อน แล้วได้รับสิทธิพักโทษเหมือนนักโทษทั่วไป สังคมคงไม่ต้องตั้งคำถาม แต่จะหลอกประชาชนไม่ได้ ทุกคนรู้ทัน ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต่อไปในภายหน้า ต้องยอมรับกระบวนการตรวจสอบ อะไรที่ได้มาฉาบฉวย ลาภยศ ตำแหน่ง จะเป็นทุกขลาภ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ส่วนรัฐบาล ระบุในผลงานได้เลยว่าความสำเร็จของรัฐบาล กรณีนายทักษิณและ คดีอื่นๆที่เหลือ ไม่ควรดำเนินคดีนายทักษิณอีกต่อไป เสียดายเวลากระบวนการยุติธรรม ประชาชนรู้ดีว่าสุดท้ายคุกมีไว้ขังคนจนราชทัณฑ์ให้คูณวันปล่อยตัวเอาเองเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. ที่เรือนจำพิเศษ มีนบุรี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ระบุมีชื่อ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ในรายชื่อผู้ได้รับการพักโทษ ว่า การที่จะได้รับการปล่อยตัวพักโทษ ในวันใด ตามหลักการว่า คำว่าครึ่งปี หรือ ๖ เดือน ให้เอา ๓๐ วันไปคูณว่าครบวันไหน และวันถัดไปของ วันครบการรับโทษคือวันปล่อยตัวพักโทษ จากนั้นกรมคุมประพฤติจะเป็นผู้กำหนดแนวปฏิบัติและเงื่อนไข หลังพักโทษ ผู้สูงอายุ ๗๐ ปีขึ้นไป เจ็บป่วย หรือพิการ ไม่ต้องใส่กำไล EM ติดตามตัว การพักโทษไม่ต้อง แจ้งการปล่อยตัวต่อศาล เนื่องจากเป็นการพักโทษไม่ใช่หมายปล่อยตัว ส่วนเรื่องอายัดตัวนายทักษิณ ในความผิดมาตรา ๑๑๒ เป็นอำนาจของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษก รพ.ตร. กล่าวว่า หากกรมราชทัณฑ์แจ้งว่าจะขอรับตัว ออก รพ.ตำรวจมีหน้าที่ออกใบรับรองแพทย์ให้ พร้อมแนบความเห็นแพทย์ถึงอาการของผู้ป่วยว่า ควรรักษาตัวต่อหรือไม่ ถือว่าหมดหน้าที่แล้วม็อบต้าน “ทักษิณ” บุกกดดัน รพ.ตำรวจเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลนำนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับเข้าคุก ประกอบด้วยกลุ่ม นักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล กลุ่มกองทัพธรรม นำโดยนายใจเพชร กล้าจน หรือหมอเขียว ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว รวมตัวกันเคลื่อนขบวนมวลชนไปปักหลักชุมนุมที่ รพ.ตำรวจ อ้างจะทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “มอบความรักต่อกระบวนการการยุติธรรม กรณี นช.ทักษิณ ไม่ยอมติดคุก” นายพิชิตกล่าวว่า ขอส่งตัวแทนขึ้นไป ชั้น ๑๔ เพื่อดูว่าที่นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ นอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ๑๗๖ วัน อาการเป็นอย่างไร นำเงินที่ประชาชนบริจาคมาซื้อกล้องวงจรปิดไปมอบให้ เพราะ รพ.ตำรวจอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย จำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน และ ตัวแทน รพ.ตำรวจ อนุญาตให้รวมตัวอยู่เฉพาะบริเวณ ทางเข้า รพ.ตำรวจ ด้านฝั่งติดถนนพระรามที่ ๑ ข้าง อาคารมงคลกาญจาภิเษกเท่านั้น มอบวงจรปิดส่องพิสูจน์อาการสวิงต่อมา เวลา ๑๑.๐๐ น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยผู้บริหาร รพ.ตำรวจ เข้าเจรจา แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มอบกล้องวงจรปิด ๕ ตัว ให้ผู้แทน รพ.ตำรวจทันที เพื่อให้นำไปติดไว้บนชั้น ๑๔ จะได้มีรูปนายทักษิณที่รักษาตัวอยู่มายืนยันกับประชาชน ว่าอาการเป็นอย่างไร โดยนายพิชิตเปิดเผยว่า แพทย์ ที่รักษานายทักษิณชี้แจงว่า อาการเป็นแบบสวิงขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ไม่ดี เดี๋ยววิกฤติ เดี๋ยวก็หาย แต่เราไม่เชื่อ เพราะก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์ชี้แจงว่า หายแล้ว แค่เฝ้าระวังอาการเป็นพิเศษเท่านั้น พอวันนี้ มาถามแพทย์ รพ.ตำรวจ กลับบอกว่าเป็นแบบสวิง ทั้งไม่อนุญาตเข้าไปเยี่ยม เท่ากับที่ถามมาไม่มีความคืบหน้าเหมือนเดิม โยนกันไปมา ขอเรียกร้องสังคมจับตาดูว่าหลังวันที่ ๑๘ ก.พ. ถ้านายทักษิณได้รับการ พักโทษแล้ว อาการสวิงจะหายเป็นปกติเองเลยหรือไม่ หลังพักโทษจะไปติดตามกับอัยการด้วยว่าจะอายัดตัว คดีมาตรา ๑๑๒ และติดตามการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้อง เรื่องนี้กับ ป.ป.ช.และกลับไปชุมนุมที่ค้างคืนข้างทำเนียบฯต่อไปไทย-ออสซีจับมือเพิ่มศักยภาพ ศก.เมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น. ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ให้การต้อนรับ พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายเศรษฐา และ พล.อ.เดวิด ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ จากนั้น พล.อ.เดวิด ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ห้องสีงาช้างด้านนอก จากนั้นเวลา ๑๑.๐๐ น. ร่วมหารือข้อราชการ ที่ห้องสีงาช้างด้านใน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ได้หารือถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือในภาพรวม นายกฯยินดีต่อรายงานยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี ค.ศ. ๒๐๔๐ ของออสเตรเลีย มุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างออสเตรเลียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญสนับสนุนการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ด้านการค้าและการลงทุน ไทยและออสเตรเลียควรร่วมมือกันเพิ่มศักยภาพของความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) จะสนับสนุนมูลค่าและปริมาณการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ด้านการลงทุนนายกฯเชิญชวนให้นักลงทุนชาวออสเตรเลียเพิ่มการลงทุนในไทย โดยเฉพาะสาขาเทคโนโลยีอัจฉริยะและพลังงานสีเขียว เห็นว่า ไทยและออสเตรเลียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในระดับประชาชนระหว่างกันได้อีกมากขึ้นประทับใจชมแม่ไม้มวยไทยต่อมา ๑๑.๔๕ น. ที่โถงกลางตึกสันติไมตรี นายกฯและภริยาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เป็นเกียรติผู้สำเร็จราชการฯและภริยา มีการแสดงศิลปะมวยไทย สาธิตการไหว้ครูและชกมวยไทย อย่างสนุกสนานเป็นที่ประทับใจ ฝ่ายออสเตรเลียชื่นชมและชื่นชอบการแสดงกีฬามวยไทยที่จัดขึ้นอย่างมาก ตอนท้ายนายกฯมอบกางเกงมวยไทยให้เป็นที่ระลึก จากนั้นเวลา ๑๙.๐๐ น. นายกฯและภริยา เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระบรมราชวโรกาสให้ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และภริยาเข้าเฝ้าฯในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังแปลงพลังรัก ปท.เป็นพลังร่วมมือวันเดียวกัน นายเศรษฐาได้ทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า เนื่องในวันแห่งความรัก นึกถึงสิ่งที่พยายามผลักดันมาโดยตลอดนั่นคือ สิทธิในการเลือกเพศสภาพ เลือกคู่ชีวิต ตลอดจนสิทธิในการเลือกประกอบ อาชีพเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งและไม่เคยทอดทิ้ง เพราะเชื่อว่าความรักเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอย่าง มักมีคนถามอยู่เสมอว่า เป็นนายกฯมีเรื่องอะไรที่ทำให้ประหลาดใจมากที่สุด เลยคิดได้ว่า นายกฯเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจบริหารประเทศ แต่อำนาจบริหารเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ เพราะคงไม่สามารถจะทำทุกอย่างให้สำเร็จได้เพียงแค่มีตำแหน่ง หากไม่ได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนด้วย ขอให้พลังแห่งความรักที่ทุกคนทุกฝ่ายมีต่อประเทศชาติแปลงเป็นพลังแห่งความร่วมมือ สร้างโอกาสให้ประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกันยังฟิตลุยนครพนม-สกลฯ-อุดรฯผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง จะไปลงพื้นที่ตรวจราชการพื้นที่ภาคอีสาน จ.นครพนม สกลนครและอุดรธานี ในวันที่ ๑๗-๑๙ ก.พ. ติดตามแผนพัฒนาและการแก้ปัญหาจังหวัด สถานการณ์การส่งออกและพื้นที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จที่ศุลกากร จ.นครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ ๓ ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม เยี่ยมหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม ที่อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ นมัสการพระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร สักการะพระธาตุเชิงชุม ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร พบปะประชาชน หารือความเดือดร้อนการทำประมงน้ำจืดและการบริหารจัดการน้ำพื้นที่หนองหาน เยี่ยมชมพื้นที่ต้นแบบแก้ปัญหาคุณภาพดิน การจัดการน้ำ ติดตาม ๓๐ บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรใบเดียว เป็นประธานมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้ผู้เช่า“บิ๊กป้อม” ส่งความรักก้าวข้ามไฟขัดแย้งเมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. ที่วัดประชานิมิต ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ร่วมพิธีทอดผ้าป่าลอยฟ้ามหากุศลสู่ดาวดึงส์ ยกฉัตรยอดบัวแก้วแปดกลีบ ประดิษฐานยอดโรงอุโบสถ มีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถา พล.อ.ประวิตรได้ร่วมถวายผ้าป่าและเครื่องไทยทานแด่พระสงฆ์ มีพระธรรมวชิรสุตาภรณ์ (สุพจน์ โชติญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานสงฆ์ให้ศีลผู้ร่วมพิธี ยังมีพิธีอุปสมบทนาคเอกหมู่ มีสมาชิกพรรค พปชร.และชาวบ้านในพื้นที่ต้อนรับอบอุ่น โดย พล.อ.ประวิตร เดินทักทายกล่าวขอบคุณประชาชนและข้าราชการที่มาต้อนรับ พร้อมอวยพรขอให้มีความสุขในวันแห่งความรัก ในวันวาเลนไทน์ ๑๔ ก.พ. ขอความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชน ให้มีความรัก ความสามัคคีต่อกัน ร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองกินดีอยู่ดีอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
“ตะวัน-แฟรงค์” นอนเรือนจำ ทิ้งจดหมายขออดข้าวอดน้ำ วืดประกันชี้ไม่ยำเกรงกฎหมาย
Related posts