Sunday, 22 December 2024

“เศรษฐา” ยินดี “ทักษิณ” พักโทษ ได้ใช้เวลากับครอบครัว ขออย่าดราม่ามีนายกฯ กี่คน

“นายกฯ เศรษฐา” ยินดี “ทักษิณ” พักโทษ ได้กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ยังไม่ได้โทรยินดี “อิ๊งค์” แต่ใจถึงใจอยู่แล้ว วอนอย่าดราม่าจะมีนายกฯ กี่คน มอง อดีตนายกฯ อีกคน หากจะกลับเข้ามาตามกระบวนการก็เป็นสิทธิ์วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ และเดินทางกลับเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเข้าพบ นายทักษิณ เพื่อขอคำแนะนำอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ยังไม่มี เพราะท่านก็เพิ่งออกมาเมื่อเช้านี้ ตนคิดว่าในฐานะพ่อ ก็ยินดีด้วยที่จะได้เจอลูก ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวมานาน ท่านก็กลับเข้ามาตามกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายทุกข้อ กฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรมเป็นคนเดินเรื่องมา เชื่อว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ท่านคงไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง คงอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและก็รักษาตัวต่อไปให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน เมื่อถามต่อไป ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีเวลา วันนี้ก็ลงพื้นที่ ๗ หมาย แต่ว่าเชื่อว่าใจถึงใจอยู่แล้ว ส่งความปรารถนาดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัว “เราสนิทกันอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องโทรหรอกครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีโอกาสก็จะโทร แล้วเมื่อมีประชุมก็จะคงเข้าไปแสดงความยินดีด้วย ผมเชื่อว่าเวลาอันมีค่านี้ ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ ๒๐ ปี ก็ต้องใช้เวลานี้ให้เหมาะสม และก็คุ้มค่าที่สุด” ส่วนกรณีมีผู้เห็นต่างออกมาเคลื่อนไหว และมองว่าศูนย์บริหารงานหลังจากนี้จะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาล ไปเป็นบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องความเห็นต่างเป็นธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ตนน้อมรับเรื่องความเห็นต่าง เราก็ต้องพูดคุยกันด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ วันนี้ตนเชื่อว่า อย่างเช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็อยู่ที่นี่ เราอยู่คนละพรรค ก็คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่โดยรวมเราก็เห็นตรงกัน เพราะบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ บ้านเมืองเราก็บอบช้ำกันมาเยอะ วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ “ถ้าจำได้เมื่อตอนที่ตนได้รับการแต่งตั้ง ก็ได้เข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อฟังคำแนะนำ และเวลาเจอในงานต่างๆ ก็มีการพบปะพูดคุยกัน ก็ขอคำแนะนำอยู่แล้ว เชื่อว่าถ้าเกิดท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ พร้อมจะให้คำแนะนำ ผมเชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะรับคำแนะนำจากท่าน นายอนุทิน เองก็เคยทำงานร่วมกับอดีตนายกฯ ทักษิณ มาก่อน ก็รู้อยู่แล้วว่าท่านมีความปรารถนาดี ประสบการณ์ที่ท่านสะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก และก็เข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่ามาดราม่ากันเลย ว่ามีนายกฯ กี่คน รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุอยู่แล้วว่ามีนายกรัฐมนตรีคนเดียว ซึ่งก็คือผมเอง” นายเศรษฐา เผยต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และขอคำแนะนำ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว และต้องมีความอดทนต่อไป ก็เป็นอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เตือน โดยอาจจะเตือนแรงแต่เต็มไปด้วยความหวังดี ว่ามันไม่เหมือนกับเรื่องธุรกิจที่นักธุรกิจมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่การบริหารราชการต้องพึ่งหลายหน่วย และ นายอนุทิน ก็เตือนว่าให้ใจเย็น ไม่ใช่ทุกเรื่องจะทำได้หมด อีกทั้งก็เหมือนกับที่สื่อมวลชนเคยเตือนให้ใจเย็นและช้าบ้าง อย่าปากไว ก็เป็นคำเตือนที่ตนไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธ เพราะในบางบริบทก็เหมาะสมที่จะต้องได้รับการเตือนและรับฟัง นำไปพิจารณา ซึ่งตนไม่ได้บอกว่ารู้หมดทุกอย่าง หากเรื่องไหนเป็นคำแนะนำที่เหมาะสม แนะนำกันด้วยความปรารถนาดี ก็น้อมรับจากทุกคน ไม่ใช่แค่จากอดีตนายกรัฐมนตรีคนเดียว อีกทั้งบริหารประเทศมา ๖ เดือน ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยก็คงไม่จริง แต่เมื่อเสนอตัวเองมารับใช้ประชาชนแล้ว ก็รู้ว่าปัญหามีเยอะอยู่แล้ว ทั้งเศรษฐกิจและ PM ๒.๕ ทางด้านคำถามว่า การได้รับการพักโทษของ นายทักษิณ อาจจะทำให้การเมืองเปลี่ยน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คอยดูกันต่อไป การเมืองก็เปลี่ยนไปทุกวัน มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้ว แต่เปลี่ยนไปไม่แน่ใจว่าหมายถึงดีขึ้นหรือเลวลง แต่ตนเองมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว คนเรามาอยู่ตรงนี้แล้ว รัฐบาลมี ๓๑๔ เสียง ทำงานร่วมกัน แม้บางข้อเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็พูดจากันด้วยดี และพยายามจะทำด้วยความตั้งใจจริง ด้วยมุ่งหมายคือให้ประเทศไปข้างหน้า ถ้าการพักโทษของ นายทักษิณ มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยอยู่บนความชอบธรรมของกฎหมายที่ นายทักษิณ ได้กลับมารับโทษเรียบร้อยแล้ว ได้รับการผ่านขั้นตอนทางกฎหมายและออกมาพักโทษที่บ้าน เชื่อว่าประชาชนคนไทย ๖๖ กว่าล้านคน ก็คงยินดีถ้าเกิดการเมืองไทยดีขึ้น และหน้าที่ของเราก็ต้องทำให้มันดีขึ้น เมื่อถามต่อไปว่า ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนที่ยังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ หากจะกลับเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย คิดว่าควรจะเข้ามาหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่า ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ตนเองไม่มีความเห็นเรื่องนี้ หากกลับเข้ามาตามกระบวนการกฎหมายทุกอย่างถูกต้องก็เป็นเรื่องน่ายินดี สำหรับกรณีที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ประกาศจะเคลื่อนไหวไปบ้านจันทร์ส่องหล้า จะยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อยากเห็นประเทศเดินหน้าไปให้ได้ วันนี้บ้านเมืองสงบสุขแล้วในช่วงปลายสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลนี้ ปัญหาใหญ่กว่าคือเรื่องเศรษฐกิจ อยากให้มุ่งประเด็นไปที่เรื่องนี้มากกว่า และขอให้แสดงจุดยืนอยู่บนกรอบของกฎหมาย รัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าให้เกินเขต เกินเลย  อย่างไรก็ตาม เมื่อถามย้ำว่า จะเข้าไปขอคำปรึกษา นายทักษิณ ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา ให้คำตอบว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่อดีตนายกฯ ทักษิณ คนเดียว ที่มีความรู้ความสามารถ ทุกคนก็รู้ก็ประจักษ์อยู่แล้วว่า นายทักษิณ เป็นนายกฯ ที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย และก็มีนายกรัฐมนตรีอีกหลายคนที่มีความชำนาญอีกหลายเรื่อง รัฐบาลนี้ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว แต่ยังมีรองนายกฯ อีกหลายคน ก็มีสิทธิ์ที่จะไปขอความรู้จากใครก็ตามที่สนิทสนมกัน อย่างไรจุดมุ่งหมายเดียวกันก็คือให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้.