Friday, 20 September 2024

ราชทัณฑ์แจงอีกรอบ พักโทษทักษิณ คุณสมบัติครบถ้วน หลักเกณฑ์ถูกต้อง

กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงพักการลงโทษ “ทักษิณ” กรณีพิเศษ “มีอายุตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป-ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ เดือนฯ” คุณสมบัติหลักเกณฑ์ครบถ้วนถูกต้อง เผยในเดือน มกราคม๖๗ มีผู้ได้รับการพักโทษด้วยเหตุกรณีปกติ และกรณีพิเศษ รวม ๙๓๐ รายวันที่ ๑๘ ก.พ. ๖๗ กรมราชทัณฑ์ แจกเอกสารแถลงกรณีการปล่อยตัวพักการลงโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่ง กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัว นายทักษิณ เข้ามาควบคุมตัวในเรือนจำตั้งแต่วันที่ ๒๒ ส.ค. ๒๕๖๖ โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินจำคุก ๓ คดี รวมกำหนดโทษ ๘ ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุก ๑ ปี และนับตั้งแต่ นายทักษิณ รับโทษจำคุก จนกระทั่งถึงปัจจุบันวันที่ ๑๗ ก.พ. เป็นระยะเวลารวม ๖ เดือน ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการพักการลงโทษ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะตรวจสอบคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ของนักโทษเด็ดขาด ที่เข้าเกณฑ์เพื่อดำเนินการขอพักการลงโทษ โดยกรณีของ นายทักษิณ จัดอยู่ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป โดยมีคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ทั่วไปครบตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๓ คือ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ เดือน หรือ ๑ ใน ๓ ของกำหนดโทษ แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า การพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าวนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ โดยมีขั้นตอนการพิจารณา ดังนี้ ๑.เรือนจำ ทัณฑสถาน ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่เข้าตามหลักเกณฑ์ พร้อมประสานขอความร่วมมือกับสำนักงานคุมประพฤติในเขตพื้นที่ของผู้อุปการะ ดำเนินการสืบเสาะข้อเท็จจริงของนักโทษเด็ดขาด จากนั้นเรือนจำ และทัณฑสถาน จะรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ โดยมีผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้อำนวยการทัณฑสถาน เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนคุมประพฤติ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ จากนั้นเสนอบัญชีรายชื่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษตามคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ๒.กรมราชทัณฑ์ ตรวจสอบเอกสารข้อมูลของนักโทษเด็ดขาดที่เรือนจำ ทัณฑสถาน ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อเสนอในที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ซึ่งโดยปกติจะมีการพิจารณา เป็นประจำเดือนละ ๑ ครั้ง ทั้งนี้ การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ กรมราชทัณฑ์ จะต้องเสนอบัญชีรายชื่อผู้ที่คณะอนุกรรมการฯ มีมติปล่อยตัวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาอนุมัติการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ๓.เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติแล้ว กระทรวงยุติธรรม จะส่งหนังสือกลับมายัง กรมราชทัณฑ์ เพื่อแจ้งผลการพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษให้กับเรือนจำ ทัณฑสถาน ดำเนินการตามมติคณะอนุกรรมการฯ ให้พักการลงโทษ โดยต้องมีเอกสารแจ้งให้ผู้ได้รับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติต่อไป (๒) ในเดือนมกราคม ๒๕๖๗ มีผู้ต้องขังทั่วประเทศอยู่ในหลักเกณฑ์เข้ารับการพิจารณาพักการลงโทษ และได้รับอนุมัติให้ปล่อยตัวพักการลงโทษทั้งสิ้นจำนวน ๙๓๐ ราย แบ่งเป็น การพักการลงโทษกรณีปกติ จำนวน ๙๑๓ ราย การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป จำนวน ๘ ราย และการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม” จำนวน ๙ ราย กรมราชทัณฑ์ จึงขอชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานในกรณีการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง มาเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่สาธารณชนต่อไป.