หนุ่มใหญ่โคราช โพสต์ตามหา “เมีย” ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้สมัคร สส.นครราชสีมา เขต ๒ พรรคประชาธิปัตย์ หายตัวปริศนานาน ๑๓ วัน พร้อลูสาววัย ๕ ขวบ พร้อมตั้งรางวัล ๓ หมื่นบาท แจ้งเบาะแสช่วยพากลับบ้าน เชื่อทั้งคู่ยังมีชีวิต ขณะที่ทางตำรวจเร่งสืบหาตัว-ระบุหากฝ่ายหญิงทราบข่าวว่าสามีตามหาให้รีบประสานมาโดยเร็วจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Picknick Pimpisa” โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ฝากช่วยแชร์ตามหาคนหาย จากไปส่งลูกที่โรงเรียน นางสุพรรณี เชื้อดี กับ ลูกสาววัย ๕ ขวบ หายไปนานร่วม ๑๓ วัน อย่างไร้ร่องรอย ไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไป มีเงินติดตัวเพียงเล็กน้อย หากใครพบเบาะแสจนพาไปเจอตัว หรือพามาส่งได้ถึงบ้าน มีเงินรางวัลให้ ๓๐,๐๐๐ บาท ฝากช่วยแชร์และตามให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ อยากให้ลูกสาวได้กลับมาสอบและเรียนตามปกติ จะเก็บข้อมูลผู้แจ้งเป็นความลับ ติดต่อแจ้งได้ที่เบอร์ ๐๘๘-๙๙๑๙๑๙๒, ๐๙๕- ๖๑๖๑๖๖๙ ฝากช่วยกันแชร์เยอะๆ นะครับ” หลังจากโพสต์ข้อความออกไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยเบาะแสสุดท้ายทราบเพียงว่า หายตัวไปขณะไปส่งลูกที่โรงเรียน เมื่อช่วงเช้าวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ซึ่ง นางสุพรรณี เชื้อดี มีชื่อเล่น “มะเหมี่ยว” เป็นอดีตผู้สมัคร สส.นครราชสีมา เขต ๒ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ล่าสุด วันนี้ (๒๘ ก.พ.) นายพงศ์ภูมิพันธ์ เชื้อดี อายุ ๔๒ ปี สามีของ นางสุพรรณี ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมและขอลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา โดย นายพงศ์ภูมิพันธ์ เล่าว่า วันที่ภรรยาหายตัวไป คือช่วงเช้าวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา น้องสาวตนได้ขับรถไปพร้อมกับภรรยาและลูกสาว เพื่อไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา แต่ระหว่างเดินทางเกิดปัญหารถติด ภรรยาจึงขอลงจากรถก่อน เพื่อที่จะเดินไปส่งลูกสาวที่โรงเรียน หลังจากภรรยาลงจากรถไปสักพัก น้องสาวตนสงสัยว่าทำไมไปส่งหลานนาน จึงโทรศัพท์มาหาตนบอกว่า ภรรยาหายตัวไปไม่ได้กลับมาขึ้นรถ พอตนได้ยินดังนั้นก็ตกใจจึงรีบโทรศัพท์ไปเช็กที่โรงเรียนลูกสาว ก็ไม่พบว่าภรรยาไปส่งลูกที่โรงเรียน จึงออกตามหาและโทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อนของภรรยาทุกคน แต่ก็ไม่พบภรรยาติดต่อไป จากนั้นตนจึงไปแจ้งความคนหาย หลังจากนั้นก็พยายามตามหา โดยไปสอบถามทางบ้านของภรรยาที่ อ.บ้านเหลื่อม แต่ทางนั้นก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เนื่องจากภรรยาของตนไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย”หลังภรรยาและลูกสาวหายตัวไป วันหนึ่งตนจึงขับรถไปแอบดูที่บ้านของภรรยาที่ อ.บ้านเหลื่อม อีกครั้ง เผื่อว่าทางบ้านภรรยาจะปิดบังข้อมูลเอาไว้ แต่ก็ไม่พบว่าภรรยากลับไปที่บ้านหลังดังกล่าว” นายพงศ์ภูมิพันธ์ กล่าว นายพงศ์ภูมิพันธ์ เล่าต่อว่า ตนและภรรยาแต่งงานอยู่กินกันมาร่วม ๗ ปี ตลอดระยะที่ผ่านมาก็มีปัญหาทะเลาะกันบ้าง มีปากเสียงกันบ้าง ซึ่งบางครั้งภรรยาก็หนีออกจากบ้านไป แต่ก็ไม่นาน ประมาณ ๒-๓ วัน ตนก็ไปรับกลับมา ช่วงก่อนวันที่ภรรยากับลูกจะหายตัวไปนั้น ตนและภรรยามีปากเสียงทะเลาะกัน สาเหตุที่ทะเลาะก็มาจากปัญหาทางธุรกิจร้านอาหารที่ทำอยู่ด้วยกันกับภรรยา แต่ตนก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนหายตัวไป ตนกับภรรยาก็ยังพูดคุยกันดีอยู่ ไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น จนกระทั่งภรรยาและลูกหายตัวไปโดยไม่มีเสื้อผ้าและโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย มีแค่เงินสดติดตัวไปประมาณ ๓๐๐ บาทเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวแล้วตนคิดว่าภรรยาคงแค่น้อยใจที่ตนตำหนิเรื่องงาน ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ส่วนสาเหตุอื่นนั้นตนยังไม่อยากจะคิดไปไกล เนื่องจากรู้สึกกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับภรรยาและลูก แต่ก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ตอนแรกนั้นตนไม่ได้คิด แต่ตอนนี้มานั่งคิดก็อาจจะมีความเกี่ยวเนื่องกัน เนื่องจากในวันที่ภรรยาหายตัวไปนั้น ในช่วงเช้าตนได้มีการสั่งให้ลูกน้องไปรื้อร้านที่ตั้งอยู่ในตลาดแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะนำมาต่อเติมร้านใหม่ เนื่องจากมีปัญหากับเจ้าของตลาด แต่ลูกน้องได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ ๑๐ คน มายืนล้อมที่ร้านเอาไว้ และไม่ให้ตนรื้อของออกจากร้าน ซึ่งในช่วงเช้านั้นเองภรรยากับลูกของตนก็หายตัวไปทั้ง ๒ คน”ส่วนตัวแล้วไม่อยากให้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับภรรยาและลูกสาว จึงอยากอ้อนวอนไปยังภรรยาหากเห็นข่าวนี้แล้ว อยากให้กลับมาเพราะลูกน้องที่ร้านก็คิดถึง ปู่กับย่าก็ยังคงรอเพื่อที่จะพบหน้าหลานอีกครั้ง และอยากให้เห็นแก่ลูก และอนาคตของลูก อยากให้กลับมาเพื่อมาปรับความเข้าใจกัน” นายพงศ์ภูมิพันธ์ กล่าวด้าน พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายพงศ์ภูมิพันธ์ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า ภรรยาและลูกสาวหายตัวไปนานกว่า ๑๐ วัน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เร่งสอบปากคำ นายพงศ์ภูมิพันธ์ เพิ่มเติมแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้สูญหายทั้ง ๒ คน อยู่ที่ไหน เบื้องต้นครอบครัวยังเชื่อว่าทั้ง ๒ คน ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากสามีและภรรยาคู่นี้ มักมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบหาตัวทั้ง ๒ คน และหาก นางสุพรรณี ทราบข่าวว่าสามีกำลังตามหาตัวอยู่ ก็ขอให้ประสานติดต่อกลับมาโดยเร็ว.