ตำรวจไซเบอร์ดักรวบสาวสองแก๊งคอลเซ็นเตอร์คาด่านชายแดนคลองลึก จ.สระแก้ว หลังไปทำงานฝั่งปอยเปต กัมพูชา ร่วมขบวนการหลอกติดตั้งแอปการไฟฟ้าปลอม มีผู้เสียหายหลงกลโดนดูดเงินเกลี้ยงบัญชี เครียดหนักถึงขั้นผูกคอตายมาแล้ว สารภาพมีหน้าที่โทรศัพท์สายแรกไปหาเหยื่อ ได้ค่าตอบแทนงาม ๑๐-๒๐ เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่หลอกได้ ทำมาปีกว่าฟันเงินเกินครึ่งล้านบาทจับสาวสองร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกผู้เสียหาย ติดตั้งแอปการไฟฟ้าปลอม เหยื่อถูกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี จนเครียดจัดถึงขั้นผูกคอตายมาแล้ว เปิดเผยเมื่อวันที่ ๓ มี.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และพล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.๕ ร่วมกันสอบปากคำนายศุภฤทธิ์ กิจนาเรือง อายุ ๒๔ ปี สาวประเภทสอง อยู่บ้านเลขที่ ๔/๒๐๗ หมู่ ๗ แขวง ลำผักชี เขตหนองจอก กทม. ผู้ต้องหาร่วมขบวนการแก๊ง คอลเซ็นเตอร์หลอกให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปลอม ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๕๙๕/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์๒๕๖๗ และถูกตำรวจ สอท.จับกุมได้ขณะผู้ต้องหาเดินทางมาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วสืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์สืบสวนทราบว่านายศุภฤทธิ์ ผู้ต้องหา เป็นหนึ่งในขบวนการหลอก ติดตั้งแอปของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคปลอมดูดเงินเหยื่อ เกลี้ยงบัญชีหลายราย อ้างว่าจะได้รับเงินประกันการ ใช้ไฟคืนตามขนาดของมิเตอร์ ที่ผ่านมามีผู้เสียหายใน จ.สมุทรปราการ หลงกลตกเป็นเหยื่อถูกดูดเงิน ในบัญชีจนมีอาการเครียดผูกคอตายมาแล้ว ต่อมา ชุดสืบสวน บก.สอท. ๕ นำโดย พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.๑ บก.สอท.๕ และ ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.กก.๑ บก.สอท.๕ ร่วมกันสืบสวนหาข้อมูลก่อนรวบรวมพยานหลักฐานยื่นศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่ต่างๆและจับกุมได้ส่วนหนึ่ง ล่าสุดพบนายศุภฤทธิ์ ผู้ต้องหา เดินทางกลับจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ก่อนจับกุมได้ คาด่านชายแดนสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไปทำงานให้กับกลุ่ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปตจริง ได้ค่าตอบแทนตามยอดเงินที่หลอกได้ ๑๐-๒๐ เปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่โทรศัพท์สายที่ ๑ หลอกผู้เสียหายเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าให้ติดตั้งแอป ก่อนส่งต่อให้เพื่อนร่วมขบวนการติดต่อแนะนำให้ผู้เสียหายดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ต่างๆอีกหลายอย่าง เคยหลอกเหยื่อได้เงินมากสุด ๑ ล้านบาท ทำมาแล้วกว่า ๑ ปี ได้เงินส่วนแบ่งทั้งหมดกว่า ๕ แสนบาทหลังสอบปากคำคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก. ๑ บก.สอท. ๕ เพื่อดำเนินคดีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกัน ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นใดแทนการชำระ ด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
