Thursday, 14 November 2024

ซักฟอกเปิดแผลรัฐบาล

๖ เดือนทางการเมืองนั้นมันเหมือนสัญญาณอะไรบางอย่างที่พอจะบอกได้ว่าแค่ไหนอย่างไร เช่นว่าถ้าเป็นรัฐบาลบริหารประเทศก็สามารถจะชี้ได้ว่ามีความสามารถและประสิทธิภาพระดับไหนอย่างรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่มีการตรวจสอบพบว่าเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ ทำหน้าที่เซลส์แมนถึง ๑๖ ประเทศเท่ากับว่ามีเวลาบริหารงานในประเทศแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เพราะไปอยู่บ้านอื่นเมืองอื่นเสียหลายวันแบบนี้ก็มี…อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่ารอบ ๖ เดือนนั้นมันมีความหมายที่จะตัดสินอะไรบางอย่างได้ในความเป็นรัฐบาล คนเป็นนายกรัฐมนตรีก็คงจะรู้ได้ว่ารัฐมนตรีคนไหนเป็นอย่างไร มีฝีมือแค่ไหนการปรับ คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่จะว่ากันตรงนี้แหละเพราะสามารถจะให้เหตุผลได้ว่าทำไมจะต้องปรับคนนี้ออก เปลี่ยนกระทรวงคนนั้นเอาไปไว้ตรงนี้เป็นต้นแต่ดูเหมือนรัฐบาลชุดนี้ยังไม่มีแนวคิดตรงนี้ โดยนายกรัฐมนตรีพยายามจะบอกว่ายังไม่มียังไม่ได้คิด เมื่อนักข่าวถามประเด็นนี้“ผมตัดสินใจเอง” เรื่องนี้ทว่าอีกมุมการเมืองอื่นๆที่ล่วงหน้าไปแล้วคือวุฒิสมาชิกได้ยื่นญัตติ เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตาม ม.๑๕๒ โดยไม่ลงมติมีการกำหนดวันเวลาแล้วประมาณปลายเดือน มี.ค. โดยรัฐบาลให้เวลา ๑ วัน มีการเปิดเมนูล่วงหน้า เพื่อให้เกิดความอร่อยน่ากินด้วยประเด็นหลักที่เกริ่นเอา ๒ เรื่องคือ ๑.ดิจิทัลวอลเล็ต ๒.การใช้อภิสิทธิ์ชนของ “ทักษิณ” เป็นต้นนี่เป็นเพียงหนังตัวอย่าง แต่จะมีประเด็นอื่นๆอย่างไรต้องติดตามกันต่อไปคิวต่อไปก็คือฝ่ายค้าน โดย ๒ พรรคหลักคือ “ก้าวไกล” ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและ “ประชาธิปัตย์” ได้มีมติร่วมกันที่จะเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติโดยกำหนดเอาไว้ต้นเดือน เม.ย. ก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุมความจริงแล้วเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล (ซักฟอก) นั้นรัฐบาลชุดที่ผ่านมาโดนทุกสมัยประชุม เพราะฝ่ายค้านก็คือรัฐบาลชุดนี้แหละที่หวังจะโค่นล้มให้ได้ทุกวิถีทางทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางทำสำเร็จแม้รัฐบาลจะมีปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุนอยู่บ้าง แต่เนื่องด้วยประเด็นที่จะอภิปรายไม่มีข้อมูลเพียงพออีกทั้งไม่มีลำหักลำโค่นที่จะคว่ำได้จึงเป็นได้แค่เทศกาลถล่มรัฐบาลเท่านั้นฝ่ายค้านชุดปัจจุบันแม้ “ก้าวไกล” “ประชาธิปัตย์” จะมีปัญหาแนวคิดทางการเมืองที่ต่างกัน ทำให้ไม่เป็นเอกภาพเท่าที่ควร ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการเดินเกมการเมืองการเปิดซักฟอกรัฐบาลจึงเกิดความไม่แน่นอนโดยเฉพาะ “ก้าวไกล” เองเคยประกาศไปแล้วว่าจะไม่ยื่น เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอโดยรัฐบาล ยังไม่ได้บริหารงบประมาณใหม่แต่ประชาธิปัตย์นั้นพร้อมทุกอย่างแต่ต้องอาศัยเสียงของ “ก้าวไกล” นำทางจนสุดท้ายมีมติร่วมกันว่าจะยื่นอภิปรายตาม ม.๑๕๒ โดยไม่ลงมติทำให้ลบภาพ “เกี้ยเซียะ” ไปได้บ้าง เพราะยังทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่เพียงแต่ลดโทนลงแต่อย่างน้อยก็ทำให้รัฐบาลหวั่นไหวไม่น้อย เพราะนอกจากมีเรื่องให้เปิดโปงอยู่หลายเรื่อง อีกทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรียังไม่เคยถูกชำแหละมาก่อนถ้าเตรียมแผนไม่ดีพออาจเสียท่าเอาได้ง่ายๆ!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม