Thursday, 19 December 2024

“เพื่อไทย” ติดหล่มดีลอำนาจ “ก้าวไกล” ตีกินกระแส : ฉวยจังหวะตุนแต้ม พร้อมรับวิบาก

แค่เดือนมีนาคมยังทะลุ ๔๔ องศา เมษายนจะระอุขนาดไหนอากาศเมืองไทยในวิกฤตการณ์ “โลกเดือด” ตามหลักวิทยาศาสตร์ฤทธิ์ “เอลนีโญ” ร้อน แล้ง ตามคาดส่วนในหลักโหราศาสตร์ ล่าสุดฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ได้ประกาศสงกรานต์ ปี ๒๕๖๗ วันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์ ทรงนามว่า “มโหธรเทวี” มีนกยูงเป็นพาหนะ ฝนตกในโลกมนุษย์ ๓๐ ห่า นาคให้น้ำ ๗ ตัวเกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ ๕ ชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในภูมินาจะเกิดมิกิชาติ จะได้ผลกึ่ง เสียกึ่ง เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีวาโย ทำนายว่า น้ำน้อยโหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไปในทิศทางเดียวกันชาวบ้านร้านตลาดทำใจ เมืองไทยร้อนแล้งหนักหน่วงแหลกแน่ แต่ที่เย็นสบายใจ อารมณ์ของคนในตระกูลชินวัตร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ เสียง พิพากษายกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่มีความผิด ไม่มีเจตนา ในคดีเอื้อประโยชน์ในการ จัดซื้อจัดจ้างโครงการโรดโชว์ “สร้างอนาคตประเทศไทย ไทยแลนด์ ๒๐๒๐”สั่งตำรวจเพิกถอนหมายจับอดีตผู้นำหญิงของประเทศไทยต่อเนื่องกับพี่ชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้รับการพักโทษ กลับไปนอนตีพุงที่คฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวตามจังหวะเกี่ยวพันดีลอำนาจทางการเมือง ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เดียวกันผู้นำสองพี่น้องตระกูลชินหลุดพันธนาการมัดแน่น พ้นวิบากกรรมคดีแบบติดๆกันยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ ทำให้กระแสข้ามช็อตโดยอัตโนมัติชาวบ้านแทงหวยตรงไม่โต๊ด “น้องปู” ใกล้ได้กลับประเทศไทยตามพี่ชายแน่ในนาทีที่อะไรก็เป็นใจ ล่าสุดนายทักษิณก็ได้สัญญาณไฟเขียวจากกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม อนุญาตให้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกลับบ้านเกิดจังหวัดเชียงใหม่ ไปไหว้บรรพบุรุษที่อำเภอสันกำแพงจังหวะยืดแข้ง ยืดขา ปฏิบัติการเดินสายภายนอกขยับจากคืบเป็นศอก และคงจะบุกเอาเป็นวาในไม่ช้าเพราะ “โอกาสทองฝังเพชร” ไม่ได้หากันง่ายๆ สไตล์ “นายใหญ่” ต้องเดินเกมเร็ว อุ้ม “น้องปู” กลับบ้าน หลังประเมินเสียงนกเสียงกา กระแสต้านจากโจทก์หลัก ทั้งสลิ่ม กปปส. พันธมิตรเสื้อเหลืองที่อ่อนแรงฤทธิ์เดชเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา สังขารที่ร่วงโรยจุดสำคัญมันอยู่ตรงเงื่อนไขในหมู่ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยมากกว่า ทักษิณ ชินวัตรตามปรากฏการณ์ “ทักษิณ” กลับจันทร์ส่องหล้า “น้องปู” หลุดชนักคดี จังหวะกระแส “ดีลลังกาวี” ก่อนตั้งรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร กลับมาหนาหูอีกรอบข่าวไม่ได้กรอง บิ๊ก “ด” ผู้แรงฤทธิ์ หลุดวงอำนาจพิเศษเป็นอะไรที่สังเกตได้ถึงความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญตามธรรมชาติของการดีลอำนาจและผลประโยชน์ เมื่อตระกูลชินเป็นฝ่ายได้ไปหลายช็อตแล้ว แนวโน้มก็ต้องยอมเสียอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนไม่มีทางที่จะกินรวบเหมาหมดทั้งกระดานยิ่งในสภาพที่ยี่ห้อ “ทักษิณ” ไม่ได้ขลังเหมือนเดิม ต้องพ่ายแพ้เสียแชมป์สนามเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ ๒๐ กว่าปี โดนความแรงของพรรคก้าวไกล ทีมเด็กรุ่นใหม่แซงขึ้นมาเทียบบารมี บดบังรัศมีเพื่อไทยต้องหักมุมประชา ธิปไตยเสรี เป็น “นอมินี” ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมเต็มคราบ ตามสภาพที่ฝ่ายการเมืองโบราณต้องกอดคอกันสู้เด็กรุ่นใหม่จากบริษัทจำกัดของตระกูลชิน ต้องยกระดับเป็นห้างหุ้นส่วนอนุรักษ์นิยม“นายใหญ่-ลุง ๒ป.-บิ๊ก ด.” ต้องดีลอำนาจลงตัวถึงจะอยู่ได้ได้-เสีย ต้องเกลี่ยให้เท่าๆกัน นั่นจึงเป็นที่มาของกระแสการปรับ คณะรัฐมนตรีที่แรงต่อเนื่อง หนักไปจนถึงการปรับเปลี่ยนในรัฐบาลปฏิบัติการ “เกมแลกขุน” จูนสูตรเกลี่ยผลประโยชน์กันอีกรอบ เศรษฐา ทวีสินที่แน่ๆภายใต้เงื่อนไข “ดีลอำนาจ” มันทำให้รัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ยังติดอยู่ในห้วงสุญญากาศ เพาเวอร์เพลย์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง อยู่ในวังวนภาพเชิงซ้อน “นายกฯ ๒–๓ คน”กดทับ “ความเชื่อมั่น” ในเชิงบริหารนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ไม่ชัวร์กับสถานะความมั่นคง ไม่กล้าปักธงลงเสาเข็มเมกะโปรเจกต์ เสียวเป็นแค่นโยบายฉาบฉวยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาสถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผนของโคตรเซียนการตลาด จากที่คาดหวังเคลมจุดขาย “ยี่ห้อทักษิณ” ตีกินแต้มในเชิงบริหารเศรษฐกิจแบบยุคอดีต ฟื้นชีวิตคนไทยอยู่ดี กินดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยังจับต้องอะไรไม่ได้พรรคเพื่อไทยติดหล่ม ทีม “นายใหญ่” ตีแต้มนิยมทางการเมืองไม่ขึ้นตรงกันข้าม มันคือจังหวะที่คู่แข่งอย่างพรรคก้าวไกล ขี่กระแสความนิยมการเมืองรุ่นใหม่ ออกตัวนำไปหลายช่วงตัว ตามฟอร์มตัวเรียกแต้ม “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายเปิดตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้งภูเก็ต พิษณุโลก อุดรธานีจ่อคิวปักหมุดทั้ง นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม วงรอบปริมณฑลที่ทีมก้าวไกลเหมา สส.เกือบหมด ยึดหัวหาด เมืองเศรษฐกิจ จังหวัดที่ตั้งมหาวิทยาลัยใหญ่ กวาดฐานของนิวโหวตเตอร์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน คนชั้นกลางแถมยังรุกคืบไปกวาดต้อน “บ้านใหญ่” ต่อแถวแย่งกันสวมเสื้อสีส้มปูพรมยึดสนามเลือกตั้งท้องถิ่น“นักเลือกตั้งอาชีพ” หนีสภาวะ “โรงพิมพ์แบงก์ไหม้” ยอมสยบพรรคก้าวไกลพร้อมๆกันกับปฏิบัติการยึดนายก อบจ.กองทัพส้มยังมีคิวสำคัญ การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ที่จะเกิดขึ้นหลัง “สว.ลากตั้ง” หมดวาระในวันที่ ๑๐ พฤษภาคมนี้ลุยฝ่ากับดักเกมเลือกตั้งวุฒิสภาที่สลับซับซ้อนที่สุดในโลกตามรูปการณ์ที่กองทัพส้มวางยุทธศาสตร์ล่วงหน้า แนวร่วมพรรคก้าวไกล ตั้งท่าแห่สมัคร สว.กันแบบมืดฟ้ามัวดิน เพื่อสู้กับ “เกมบล็อกโหวต” สูตรโบราณอีกทางก็คือการกระจายตัว หนีการสกัดของแนวต้านยุทธศาสตร์บุกทุกทิศทุกทาง ด้วยพลังกระแสความนิยม โอกาสกองทัพส้มบุกเข้าวุฒิสภาด่านอนุรักษ์นิยมแน่นหนายังไงก็เอาไม่อยู่นอกสภาบุกหนัก ในสภาก็รุกแรง โดย “เดอะต๋อม” นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา๑๕๒“เตะฟรีคิก” ซัลโวรัฐบาลที่อยู่ในสภาพตั้งลำยังไม่ติดตอกย้ำการเพิกเฉยต่อนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภา ไม่มีการขับเคลื่อนโครงการที่ตัวเองแถลงไว้ต่อสภา ตัวอย่างชัดโครงการเทกระจาดดิจิทัลวอลเล็ต ๑๐,๐๐๐ บาท ขณะเดียวกันก็เปิดทางให้พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคู่อาฆาต ได้ขยี้ปมนักโทษวีไอพี รัฐบาลเพื่อไทยเอื้อ “นายใหญ่” ทำลายระบบยุติธรรมพรรคก้าวไกลได้เหลี่ยมออกตัวนำ ตีกินคะแนนนิยม เลี้ยงกระแสเผื่อเกมเลือกตั้ง สว. ศึกชิงนายก อบจ.ในสถานการณ์อีกทางก็เงี่ยหูฟังสัญญาณอันตรายเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขยับเดินหน้าคดียุบพรรคก้าวไกล หัวเชื้อจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินปมเสนอแก้ ม.๑๑๒ เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตั้งแท่นล้มกระดาน ล้างน้ำสองทีมเด็กรุ่นใหม่ในอารมณ์ที่กองทัพส้มรู้คำตอบล่วงหน้า อาการตั้งป้อมรบกลับแรงๆแบบที่นายชัยธวัชจ่อชงสภาฯศึกษาขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ล้ำแดนฝ่ายนิติบัญญัติขณะที่ตัวพ่อด้อมส้มอย่าง “พิธา” อาสาเป็นเหยื่อปลุกพลังการต่อสู้ ประกาศพร้อมรับชะตา ท้าอยากปิดชีวิตการเมืองของตนเองก็ทำได้เลยเตรียมผู้เล่นแถวสาม แถวสี่นำทัพส้มไว้หมดแล้วตามสภาพความมั่นใจ พรรคก้าวไกลไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคล แต่จุดแข็งคืออุดมการณ์ร่วมของคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง ทันสมัยตามพลวัตโลกเสรีประชาธิปไตยขณะที่นิด้าโพลเพิ่งสะท้อน “พิธา” เป็นคนที่น่าเห็นใจสุดทางการเมือง“พ่อส้ม” ตายหนึ่ง แลกแต้มสงสารเกิดเป็นล้าน ยังไงก็เกินคุ้ม.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม