การเลือกตั้งขั้นต้น Super Tuesday วันอังคารที่ ๕ มีนาคม ใน ๑๕ รัฐ ๑ เขตปกครองเพื่อเลือกตัวแทนพรรคไปสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ผลก็ออกมาอย่างที่คาด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน วัย ๘๑ ปี ได้รับเลือกเป็น ตัวแทนพรรคเดโมแครต อย่างท่วมท้น เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย ๗๗ ปี ได้รับเลือกเป็น ตัวแทนพรรครีพับลิกัน เพราะไม่มีตัวเลือกอื่นเช่นเดียวกัน ทำให้สองอดีตคู่แข่งและคู่แค้นทางการเมือง กลับมาชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีกันอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ไม่น่าเชื่อว่า สหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก มีประชาชกรมากมายกว่า ๓๔๐ ล้านคน การศึกษาก็ดีเยี่ยม มีมหาวิทยาลัยระดับโลกมากมาย กลับหานักการเมืองรุ่นใหม่มาเป็นผู้นำประเทศไม่ได้ ต้องให้ คนแก่ๆสองคนที่มีทัศนคติแย่ๆกลับมาเป็นผู้นำของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ชาวอเมริกันสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดนี้แล้วหรือไบเดน วิพากษ์วิจารณ์ถึง ทรัมป์ ว่า หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกสมัย ประเทศสหรัฐฯจะตกอยู่ในสภาพโกลาหล มีแต่ความแตกแยก มีแต่ความมืดมน นี่คืออนาคตของสหรัฐฯในสายตาของ ประธานาธิบดีไบเดน หาก ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง และ ทรัมป์ ก็โจมตี ไบเดน ว่า การบริหารประเทศในช่วง ๓ ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้สหรัฐฯทรุดหนักครั้งใหญ่ ไบเดนบริหารงานผิดพลาดทั้งเรื่องเศรษฐกิจและนโยบายคนเข้าเมืองชัยชนะในซุปเปอร์ทิวส์เดย์ของ โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความสิ้นหวังให้กับชาวอเมริกันจำนวนมาก สื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ Washington Post เตือนว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนจะมีความรุนแรงยิ่งกว่าความน่ากลัวที่ประธานาธิบดีคนก่อนๆก่อขึ้นสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “ความแน่นอน” ที่ทรัมป์จะได้กลับเข้ามาชิงอำนาจในทำเนียบขาว ก่อให้เกิด “ความไม่แน่นอน” ขึ้นในชีวิตของชาวอเมริกันบางกลุ่ม โดยเฉพาะ “กลุ่มผู้มีอันจะกิน” ที่เตรียมพร้อมที่จะ ย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นทัสคานี ดินแดนผลิตไวน์แสนอร่อยของอิตาลีทันที ถ้าทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีมีแนวโน้มเสียด้วยว่า ทรัมป์มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ทุก ๔ ปี ที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ บริษัททำโพลยักษ์ใหญ่ Gallup Poll จะมีการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันตั้งแต่อายุ ๑๕ ปีขึ้นไป โดยตั้งคำถามว่า “ถ้ามีโอกาสอยากจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่นอย่างถาวรหรือไม่” ก็ได้รับคำตอบว่า “Yes” หรือ “ใช่” จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว คำตอบอยากย้ายประเทศ ในช่วงสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช อยู่ที่ ๑๑% กว่า ๓๗ ล้านคน ช่วงการดำรงตำแหน่งของ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา อยู่ที่ ๑๐% ราว ๓๔ ล้านคน และช่วงการดำรงตำแหน่งของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ชาวอเมริกันอยากย้ายประเทศพุ่งขึ้นเป็น ๑๖% กว่า ๕๔ ล้านคน โดยบอกว่า อยากจะย้ายประเทศไปตลอดกาลสมาคมชาวอเมริกันผู้พำนักในปารีส เปิดเผยว่า มีชาวอเมริกันอีกมากที่อยากจะย้ายประเทศ หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เขาเรียกชาวอเมริกันที่ย้ายประเทศในยุคนี้ว่า Trump’s Exiles หรือ “ผู้ลี้ภัยทรัมป์” จึงไม่แปลกที่จะมีชาวอเมริกันและชาวยุโรปย้ายถิ่นฐานมาอยู่ประเทศไทยกันมากมายในช่วงนี้สหรัฐอเมริกัน ยุคที่ โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดี ได้สร้างความแตกแยกให้กับชาวโลกมากมาย ทั้งการกีดกันทางการค้า ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ การก่อสงคราม จนเกิดวิกฤติตามมามากมาย เดือดร้อนกันทั้งโลก รัฐบาลสหรัฐฯเองก็ก่อหนี้มหาศาลให้กับชาวอเมริกัน ๓๔๐ ล้านคนแบกกันหลังแอ่น ตัวเลขล่าสุด หนี้สหรัฐฯอยู่ที่ ๓๔ ล้านล้านดอลลาร์ ราว ๑,๒๐๐ ล้านล้านบาท และ มีหนี้เพิ่มขึ้น๑ ล้านล้านดอลลาร์ ในทุก ๑๐๐ วัน อเมริกาเลยกลายเป็นประเทศไม่น่าอยู่สำหรับชาวอเมริกันเสียแล้ว.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม
