นิกกี เฮลีย์ ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ๒๐๒๔ คราวนี้ก็จริงแท้แน่ชัดแล้วว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันไปแข่งขันประธานาธิบดีกับเด็มโมแครตแถมตอนนี้มีโพลออกมาหลายสำนักว่าทรัมป์มีโอกาสจะชนะ การจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งของทรัมป์ สร้างความตระหนกตกใจให้กับพันธมิตรสหรัฐฯในยุคไบเดน ท่านที่นอนเอาเท้าก่ายหน้าผากมากกว่าใครในเวลานี้ก็คือโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีอูเครน ทรัมป์ประกาศชัดแล้วว่า ถ้าตนเป็นประธานาธิบดีจะไม่หนุนสงครามรัสเซีย-อูเครนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนเดิม เซเลนสกีก็จะถูกสหรัฐฯตัดหางแล้วนำไปปล่อยวัดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ออสเตรเลียที่เคยกระดี๊กระด๊าในยุคของประธานาธิบดีไบเดนก็อาจจะหอย เอ๊ย หงอย คนอเมริกันจำนวนหนึ่งซึ่งมองเห็นความยุ่งยากในการเป็นพลเมืองอเมริกันก็เตรียมย้ายประเทศ สำนักโพลกัลลัพสำรวจความคิดเห็นคนอเมริกันที่มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป โดยตั้งคำถามว่า “ถ้ามีโอกาส คุณจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่นหรือไม่” มีคนตอบว่าถ้าทรัมป์เป็นผู้นำ พวกตนอยากจะย้ายประเทศมากถึงร้อยละ ๑๖ หรือ ๔๐ ล้านคนเดี๋ยวนี้มีคำที่ฮิตติดปากคนอเมริกันคือทรัมป์ส์เอ็กไซล์ (Trump’s Exile) ที่หมายถึงการอยากจะย้ายประเทศในยุคทรัมป์ ไม่ใช่ย้ายชั่วครั้งชั่วคราว หรือย้ายประเดี๋ยวประด๋าวนะครับ แต่อยากจะย้ายถาวร ไปแล้วไปลับไม่กลับมา ประเทศเป้าหมายในสายตาคนอเมริกันที่อยากไปพำนักพักอาศัยก็คือแคนาดา และประเทศต่างๆในทวีปยุโรปอีกประเด็นหนึ่งซึ่งกระตุ้นให้คนอเมริกันอยากย้ายประเทศก็คือเรื่องปืน ทรัมป์ประกาศแล้วว่าจะสนับสนุนให้ประชาชนคนอเมริกันมีปืน เรื่องนี้หลับตาจินตนาการก็ออกครับ ว่าคนอเมริกันกลัวการกราดยิง การกราดยิงในโรงเรียนสหรัฐฯเกิดขึ้นบ่อย เมื่อผู้คนสามารถครอบครองปืนได้ง่ายขึ้น การก่ออาชญากรรมก็จะเพิ่มตามมาปัญหาเดิมๆ น่าจะวนกลับมาคือเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ตอนนี้ทรัมป์แพลมออกมาแล้วครับว่า ทรัมป์จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจากจีนร้อยละ ๖๐ แล้วก็หันมาฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกัน ผมคิดว่าคงไม่ง่ายที่ทรัมป์จะลดพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน เพราะต้นทุนการผลิตสินค้าในสหรัฐฯแพงเวอร์ ไหนจะค่าแรง ไหนจะภาษีที่มีมากมายหลายประเภท ผมว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันไม่พร้อมรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๐๒๔ ถ้าหากชนะ ทรัมป์ก็จะเข้าบริหารประเทศในเดือนมกราคม ๒๐๒๕ บริบทของการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็จะเปลี่ยนไปจาก ๔ ปีที่แล้ว ประเทศเล็กชาติน้อยก็ต้องปรับตัวกันอย่างเร่งด่วน ถ้าปรับตัวไม่ไหวก็จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองตกโลก ประชาชนของตนก็จะลำบากยุโรปต้องเพิ่มงบกลาโหม ถ้าเงินถูกนำไปใช้ในด้านการป้องกันประเทศ งบด้านอื่นก็ต้องลดลง การพัฒนาของยุโรปก็จะชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศสและเยอรมนีที่ถือว่าเป็นประเทศพี่เบิ้มของยุโรปที่กลัวการขยายอิทธิพลของรัสเซีย เมื่อก่อนยังมีสหรัฐฯช่วย แต่ยุคทรัมป์ ประเทศในยุโรปต้องช่วยกันเองทรัมป์แพลมออกมาแล้วว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าอย่างต่ำร้อยละ ๑๐ (ร้อยละ ๖๐ สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน) มาตรการภาษีสินค้านำเข้า ของสหรัฐฯอาจจะทำให้จีดีพีของเยอรมนีลดลงอย่างต่ำร้อยละ ๑.๒ ภายใน ค.ศ.๒๐๒๘ ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าในราคาแพงขึ้น การว่างงานจะเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นลดลง เรื่องพวกนี้ส่งผลต่อการลงทุนระยะสั้น ผมเชื่อว่าจีนจะโต้ตอบสหรัฐฯด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าเช่นเดียวกัน จะทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจของโลกยิ่งเละตุ้มเป๊ะชัยชนะของทรัมป์จะไม่ได้กระทบแค่สหรัฐฯ แต่กระทบทั้งโลก ประเทศไหนชาติใดจะอยู่รอดจะต้องมีรัฐบาลขยัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขยันออกไปเจรจาความตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคี แต่ต้องฉลาดขยัน ไม่ใช่โง่ขยัน ยิ่งเจรจา ยิ่งเสียเปรียบ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok๑๙๙๗@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม
Related posts