ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้วงจรทางการเมืองก็หมุนเวียนไปตามครรลองหรือวาระของมัน การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตาม ม.๑๕๒ คือไม่ต้องลงมติก็จบลงไปจากนี้สภาก็ปิดสมัยประชุมการเมือง จึงเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะบริหารประเทศจะราบรื่นหรือไม่ก็อยู่ที่ฝีมือและความสามารถวัดกึ๋นกันได้ว่าจะแน่แค่ไหนโดยไม่มีการเมืองเป็นอุปสรรคว่ากันถึงการเปิดซักฟอกของฝ่ายค้าน ๒ วัน ๒ คืนนั้น ได้เกิดเรื่องราวมากมายที่จะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตามมา๑. รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” รับปากแล้วว่าจะนำผลการอภิปรายของฝ่ายค้านไปศึกษาสังเคราะห์เพื่อนำไปปฏิบัติคือยอมรับโดยดุษณี๒. จะปรับ คณะรัฐมนตรีตามที่มีการเสนอ เนื่องจากบริหารประเทศมาแล้ว ๗ เดือน จึงถึงเวลาที่จะปรับเปลี่ยนให้เข้าที่เข้าทางแต่จะเล็กจะใหญ่ต้องลุ้นกันต่อไป๓. “ก้าวไกล” นับถอยหลังได้เลย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ กกต.ขอให้วินิจฉัย “ยุบพรรค” เนื่องจากทำผิด ในการล้มล้างการปกครองและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งเรื่องนี้ดูเหมือน “ก้าวไกล” จะรู้ตัวดีอยู่แล้ว“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ได้แถลงต่อที่ประชุมสภาว่าเขาอาจจะอภิปรายเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใดเขาเชื่อว่าเมื่อมีรุ่น ๑ ก็ต้องมีรุ่น ๒ และรุ่น ๓ สืบทอดกันต่อไป ทั้งนี้ได้มีการเตรียมพร้อมในทุกด้านเอาไว้แล้วนี่คือจุดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้อีกเรื่องหนึ่งที่สอดแทรกเข้ามาสู่เวทีการเมือง ก็คือข่าวที่ว่า “เพื่อไทย” จะดึงประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล โดยให้ ๒ เก้าอี้คือ ๑ ว่าการและ ๑ ช่วยว่าการนัยว่าเพื่อจะกินรวบทางการเมืองอย่างเมื่อครั้งที่ “ทักษิณ” เคยใช้วิธีทั้งดึงทั้งบังคับให้พรรคการเมืองอื่นๆ เข้ามารวมเป็นพรรคเดียวกันเพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งสามารถจับมือกันตั้งรัฐบาลอันนี้น่าจะหมายถึง “ก้าวไกล” ที่พร้อมชกทุกสนามแต่กรณีนี้ดูจากการอภิปรายของประชาธิปัตย์ในสภาแล้ว ความน่าจะเป็นไปได้น้อยมาก อีกทั้งนายกรัฐมนตรีได้ตอกย้ำว่า ๓๑๔ เสียงพอแล้วมุมนี้จึงน่าจะจบ…มองการเมืองในทางยาวคือการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งแน่นอน “เพื่อไทย” จะต้องเจอ “ก้าวไกล” นักรบรุ่นใหม่ที่ใช้ “อุดมการณ์” ประดาบกับ “เงิน+บ้านใหญ่”ก็ต้องดูว่า “ทักษิณ” จะงัดวิชา ตัวเบาสู้ได้แค่ไหน?แต่ผู้ชำนาญการทางการเมืองวิเคราะห์แล้ว พบว่า ผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็น ๓ พรรคการเมืองที่จะช่วงชิงความเป็นแกนนำรัฐบาล๑. “เพื่อไทย”๒. “ก้าวไกล”๓. “ภูมิใจไทย”ไม่ใช่แค่ “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” เท่านั้นเพราะศึกษาจากบริบทการเลือกตั้งแล้ว “ภูมิใจไทย” นั้น มีฐานเสียงแน่นอนที่อีสาน กลาง และใต้ และพร้อมที่จะขยายไปตะวันออกและตะวันตกอีกได้ หรือแม้กระทั่งเหนือเงินทุนพร้อม คนพร้อม ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ด้วยสูตรนี้ “ทักษิณ” ก็คงคิดไม่ต่างกัน ฉะนั้น การจะดึงพรรคไหนเข้าร่วมเพื่อเอาชนะ “ก้าวไกล” ให้ได้“ภูมิใจไทย” ย่อมดีกว่า “ประชาธิปัตย์” หลายเท่า!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม
Related posts