Sunday, 22 December 2024

“เศรษฐา” เข็นบิ๊กโปรเจกต์ท่าเทียบเรือสำราญสมุย ตั้ง KPI เข้า ครม. สิ้นปีนี้

“นายกฯ เศรษฐา” ยาหอมชาวสุราษฎร์ เข็นบิ๊กโปรเจกต์ท่าเทียบเรือสำราญเกาะสมุย ตั้งเป็น KPI เข้า ครม. สิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ย้ำต้องฟังเสียงในพื้นที่ ฝาก สส. ช่วยรัฐบาลโปรโมต ดึงท่องเที่ยววันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๗ ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการเดินทางตรวจราชการ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ ๖-๘ เมษายน ๒๕๖๗ โดยเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. ภายหลังพักค้างคืนที่เกาะสมุย นายกรัฐมนตรีเดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน ขง ๔ สุราษฎร์ธานี ไปยังจุดแรก เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ มี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมด้วย โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อม สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับ นำโดย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ น.ส.กานสินี โอภาสรังสรรค์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต ๑ นายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต ๒ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ สส.สุราษฎร์ธานี เขต ๓ นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี เขต ๔ นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี เขต ๕ และ นายธานินท์ นวลวัฒน์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต ๗  เมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ จาก นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นการเปิดให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน และเมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆ แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง ๓ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๗๐-๒๕๗๒ และเปิดให้บริการได้ในปี ๒๕๗๒ เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว ๑๘๐,๐๐๐ คนต่อปี รองรับเรือสำราญ (Cruise) ๑๒๐ เที่ยวเรือต่อปี นักท่องเที่ยวใช้จ่าย ๕,๐๐๐ บาทต่อคนทั้งนี้ ระหว่างรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีกล่าวแนะนำให้เปิด Duty Free หลังจากที่ท่าเทียบเรือเสร็จเรียบร้อย เพื่อเป็นการบริการนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย ทั้งภาคเกษตรและการท่องเที่ยว ซึ่งหากดูจากตัวเลขเรือสำราญที่เข้ามาตอนที่สูงสุดปี ๒๕๖๑ ประมาณ ๗๔ ลำ ปีนี้ไตรมาสแรกครึ่งหนึ่งแล้ว จริงๆ แล้วปีนี้น่าจะมีสถิติสูงสุด โดยพี่น้องชาวสมุยอยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา และในเรื่องของการทำลายธรรมชาติไม่มีใช่หรือไม่  นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า อยากให้โครงการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสิ้นปี ๒๕๖๗ และตั้งเป็น KPI เพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวสุราษฎร์ธานี ขณะที่ นางมนพร กล่าวตอบรับทันทีว่า รับดำเนินการ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า สิ่งที่เกริ่นมาแล้วอยากให้มีเรื่องของมารีน่า (ท่าเทียบเรือสำราญ) ตรงนี้น่าจะทำได้ คิดว่าควรมี ซึ่งแถวนี้มีหลายเกาะ เหมาะกับการให้นักท่องเที่ยวมาเหมือนภูเก็ต สิมิลัน และอยากให้ทำเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบินน้ำด้วย เพื่อบินจากเกาะต่างๆ มาจุดนี้ได้ เพราะมีเกาะท่องเที่ยวหลายเกาะ ต้องทำให้ครบวงจร บริการนักท่องเที่ยว เป็นท็อปเท็นของโลกด้วย ต้องทำให้ได้ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีเดินดูพื้นที่จริงในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ และได้ถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมกล่าวว่า การดำเนินโครงการอะไรก็ตาม ขอให้ฟังเสียงพี่น้องประชาชนก่อนทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนพูดคุยกับ สส. ในพื้นที่ รวมถึงเรียกผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ามาสั่งการ โดยระบุว่า การเดินทางมาของตนในครั้งนี้ไม่ใช่การพูดลอยๆ จะต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และขอให้ สส. ช่วยกันโปรโมตเกาะสมุย หลังการสร้างท่าเรือแล้วควรจะเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องของวัด แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ร่วมมือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีแผนแล้วเพราะระบุว่าสมุย  “นอกจากเราจะมี Sun (พระอาทิตย์) Sea (ทะเล) และ Sand (ทราย) แล้ว ยังมีเรื่องของวัฒนธรรม ผมในฐานะนักท่องเที่ยวก็เชื่อว่าจะมีอย่างอื่นมาประกอบ เพราะเวลาคนมาเที่ยวอยากได้ท่องเที่ยวทุกๆ ด้าน ทั้งวัฒนธรรม อาหาร ภูมิทัศน์ ซึ่งอยากให้นักท่องเที่ยวมาอยู่ยาวมากขึ้น จำนวนคนที่มาไม่สำคัญเท่ากับระยะเวลาที่อยู่ หากอยู่นานก็จะใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจพื้นเมืองจะดีขึ้น เมื่อเราลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับหมื่นล้าน ก็อยากให้นักท่องเที่ยวได้อยู่นานๆ ไม่ใช่มาแป๊บเดียวแล้วกลับ สส. ทุกคนต้องช่วยรัฐบาลตรงนี้ด้วย ร่วมมือกับภาคการท่องเที่ยว ฝากรัฐมนตรี สส. และผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ ด้วย” จากนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้เดินทักทายและถ่ายภาพกับประชาชนที่มาต้อนรับ