Thursday, 19 December 2024

สีส้มกับสีแดง

เรื่องราวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแก้เกี้ยวกันไปได้ในระดับไหน ความจริงก็คือความจริง และความจริงทั้งในกองทัพหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยากที่จะหนีพ้นไปจาก วิกฤติศรัทธา ความตกต่ำของประเทศไทยในยุคนี้และยุคต่อไปเกิดจาก ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ทั้งในเชิงนโยบาย และการทุจริตคอร์รัปชัน จากค่าคอมมิชชัน ค่าหัวคิว และส่วยชนิดต่างๆ ที่ถูกขุดขึ้นมาอยู่บนพรมเรื่องราวในแวดวงการเมืองไทยจากนี้ไปจะอยู่บนเส้นยาแดงผ่าแปด ระหว่างไม่มีอะไรในก่อไผ่ กับการเปลี่ยนระบบการเมืองไปสู่ระบบดั้งเดิมสมบูรณ์แบบ อนาคตทางการเมืองในการชิงขั้วอำนาจของเพื่อไทยและก้าวไกล เดิมพันด้วยความล่มสลายของระบบการเมืองการปกครองที่ฝากอนาคตไว้กับวิสัยทัศน์ของผู้ปกครองวันนี้ถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ประชาชน ต้องเลือกระหว่าง สีแดง กับ สีส้ม โดยสีแดงที่ปฏิเสธการเป็น พรรคการเมืองอนุรักษ์นิยมใหม่ แต่เป็นการปฏิรูปตามนโยบายจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สีส้ม ที่เน้นการปฏิรูปสถาบัน แต่ไม่ได้เป็นการล้มล้างสถาบันหัวใจสำคัญอยู่ที่ประชาชนจะเลือกใคร และอะไรคือการปฏิรูป และปฏิรูปแบบไหน ที่ต้องแยกการเมืองกับการปกครองออกจากกันสีแดง กับ สีส้ม เดินมาบนเส้นทางเดียวกัน ถูกกระทำคล้ายกัน ได้รับผลกระทบจากระบบการเมืองการปกครองมาเหมือนกัน ถ้าจะบอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านระบอบเผด็จการ และกองทัพ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนบริบทใหม่ สีแดงกับสีส้มกลายเป็นคู่ขนานทันที จุดขายต้องเลือกที่จะเดินตรงกันข้ามกันฝ่ายหนึ่งนำระบบการเมืองแบบดั้งเดิมมาใช้บริหารราชการแผ่นดิน ยึดนโยบายประชานิยมแบบใหม่ และไม่แบ่งแยกระหว่าง อนุรักษ์นิยม หรือประชาธิปไตยนิยม โดยยึดเสียงข้างมากในสภาฯ ฝ่ายหนึ่งยึดการบริหารแบบสมัยใหม่ เอาคนรุ่นใหม่เป็นตัวตั้ง เป็นประชานิยมที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และต่อต้านระบบการเมืองแบบดั้งเดิมถ้าจะเอาตัวบุคคล ทักษิณ ชินวัตร และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นตัวตั้ง จะได้คำอธิบายถึงรูปแบบการเมืองการปกครองได้ชัดเจนมากขึ้น และไม่ได้หมายความว่า ก้าวไกลในอนาคต จะเป็นเหมือนกับ เพื่อไทยในวันนี้ ไม่ได้ เพียงแต่จุดเริ่มต้นการเป็นก้าวไกลและเพื่อไทย มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจึงปฏิเสธความเป็นอนุรักษ์นิยมใหม่กับประชาธิปไตยใหม่ไม่ได้ด้วยรูปแบบของการเมืองการปกครองในบ้านเรามีลักษณะพิเศษ ชนะการเลือกตั้งก็ไม่ได้แปลว่าจะได้บริหารประเทศ ได้เป็นรัฐบาล ต้องมีองค์ประกอบอื่นมาประกอบด้วยทักษิณใช้เวลาถึง ๑๗ ปี ในการหลอมรวมความคิดในปัจจุบัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะต้องใช้เวลาอีกกี่ปี หรือไม่มีโอกาสไปตลอดชีวิต ระบบการเมืองไทยยังยึดติดที่ตัวบุคคล ขึ้นอยู่กับตัวผู้นำ ไม่ได้ยึดติดที่ระบบวาระสุดท้ายของสีแดงหรือสีส้มก็ไม่ต่างกัน.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม