ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งกว่า ๗ เดือนถึงจะคลอดออกมาได้ก็อะไรล่ะ…นโยบายประชานิยม “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกหัวละ ๑๐,๐๐๐ บาทเรียกว่า หมอทำคลอดเกือบจะโยนผ้าขาวยอมแพ้ไปแล้วแต่เนื่องจากเป็นของใหม่ระดับ “โคตรใหม่” ที่ผู้มีบารมีบอกว่านี่คือนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาตามสไตล์ของ “เพื่อไทย” พรรคการเมืองที่มากับการเปลี่ยนแปลงเสมอแน่นอนว่า นโยบายนี้เป็นหมุดหมายเพื่อหวังเอาชนะการเลือกตั้งคงไม่ได้คิดหวังเป็นเชื้อกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่คิดหวังเพียงว่าเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งอย่างแลนด์สไลด์ เกือบจะต้องโยนทิ้งตะกร้าไปแล้ว เพราะแพ้การเลือกตั้ง “ก้าวไกล”จน “ก้าวไกล” เข้าสู่อำนาจรัฐไม่ได้จึงเข้ามาแทนที่ในฐานะพรรคอันดับ ๒ว่าไปแล้วนโยบายนี้กว่าจะลงล็อกก็ต้องฝ่าด่านหลายด่านเนื่องจากต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากราว ๕ แสนล้านบาทที่สำคัญคือ ประกาศล่วงหน้าไปแล้วว่าไม่มีการกู้อย่างเด็ดขาดแต่เนื่องจากภาวะการเงินการคลังของประเทศไม่ค่อยจะดีสักเท่าใดก็เลยมองลอดช่องไปที่การกู้เงินมาใช้ในโครงการนี้วางกรอบเอาไว้ว่าจะออกเป็น พระราชบัญญัติเงินกู้ ๕ แสนล้านบาท ปรากฏว่ามีเสียงคัดค้านในวงกว้าง เริ่มต้นจากแบงก์ชาติและขยายไปสู่นักเศรษฐศาสตร์ที่เห็นว่าไม่คุ้มค่าทำให้ประชาชนต้องแบกรับหนี้จำนวนมากโดยเฉพาะ ป.ป.ช. ได้ชี้แนะว่า หากทำอย่างนั้นมีโอกาส “ติดคุก” เพราะทำผิดกฎหมายการเงินการคลังเสียงเตือนของ ป.ป.ช.ทำให้รัฐบาลถึงกับชะงักไปทันที!ที่สุดน่าจะเป็นไอเดียของข้าราชการของกระทรวงการคลังที่เชี่ยวชาญเรื่องทำนองนี้จึงหาทางออกให้ เพราะมีประสบการณ์มาจากรัฐบาลชุดที่แล้วทั้งด้านการหาแหล่งเงินและวิธีการดำเนินการสุดท้ายก็หาทางออกได้แหล่งเงินนั้นมาจาก ๓ ทาง วงเงิน ๕ แสนล้านบาท๑.งบประมาณปี ๒๕๖๗ จำนวนเงิน ๑.๗๒ แสนล้านบาท๒.งบปี ๒๕๖๘ จำนวน ๑.๕๒ แสนล้านบาท๓.กู้จาก ธ.ก.ส.จำนวน ๑.๗๕ แสนล้านบาททั้งนี้ จะแจกจ่ายให้ประชาชนที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป จำนวน ๕๐ ล้านคน ซึ่งจะเริ่มแจกในไตรมาสที่ ๔ ของปีนี้การใช้เงินจะทำได้ ๒ รอบนายกรัฐมนตรีมั่นใจนโยบายนี้ถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่ จะทำให้จีดีพีทะยานขึ้นอย่างแน่นอนและยืนยันว่าจะไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน เพราะมีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบตลอดก็หวังว่านโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงๆซึ่งสอดรับกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรัฐบาลประกาศไปก่อนหน้านี้ว่าจะทำให้จีดีพีโตขึ้น ๑.๖%ครับ…ชาวบ้านชาวช่องที่รอคอยและทวงถามคงจะสมใจล่ะคราวนี้ถึงนาทีนี้นายกรัฐมนตรีคงจะสบายใจขึ้น เพราะทุกอย่างน่าจะเข้ารูปเข้ารอยขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจแต่ปัญหาของประเทศนั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องแก้ไขประเด็นที่มีการพูดกันมากก็คือ นายกรัฐมนตรีในเรื่องการบริหารวิกฤติ!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts