“ร่มธรรม ขำนุรักษ์” จี้เอาผิดและหาผู้รับผิดชอบทุกระดับ ปม “กากแคดเมียม” พร้อมเร่งตรวจสอบการรั่วไหลในบริเวณโรงงานที่แอบครอบครอง หวั่นกระทบสุขภาพประชาชน เชื่อต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๗ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบขน “กากแคดเมียม” และการครอบครองของโรงงานอุตสาหรรม พร้อมทั้ง แนะให้ตรวจสอบการรั่วไหลของสารปนเปื้อนอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน โดยนายร่มธรรม กล่าวว่า ตามรายงานข่าวการลักลอบขน “กากแคดเมียม” ที่มีมากถึง ๑๕,๐๐๐ ตัน จากต้นทางจังหวัดตากมาในพื้นที่ภาคกลางนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเร่งดำเนินการให้ยุติโดยไว ทั้งการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับ พร้อมทั้ง เร่งตรวจสอบการปนเปื้อนของแคดเมียมในบริเวณโรงงานที่แอบครอบครอง เนื่องจากสารแคดเมียมเป็นสารเคมีอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนนายร่มธรรม ยังกล่าวต่อว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. จะต้องบูรณาการการทำงานเชิงรุก ในประเด็นที่สำคัญอย่างน้อย ๓ ประการ คือ ๑. ปริมาณ “กากแคดเมียม” ที่ลักลอบขนจากต้นทางและที่พบเจอมีปริมาณเท่าไร หลงเหลือที่ยังไม่พบเจอหรือไม่ ๒. ขบวนการลับลอบมีใครรู้เห็นเป็นใจ มีเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะการขนส่งสารอันตรายจะต้องมีการขออนุญาตอย่างชัดเจน ๓. ต้องเร่งตรวจสอบผลกระทบทางสุขภาพของประชาชนที่จะตามมาสำหรับการดำเนินคดีนั้น นายร่มธรรม กล่าวว่า ตามข้อมูลล่าสุด บก.ปทส. จะดำเนินคดีกับโรงงานที่ครอบครอง “กากแคดเมียม” จำนวน ๕ คดีนั้น ตนเสนอให้ เร่งสืบสวนปมการขนย้ายจากต้นทางว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เนื่องจาก การขนสารเคมีอันตรายจะต้องมีการขออนุญาตอย่างชัดเจน ดังนั้น หากเป็นการขนย้ายในปริมาณที่มาก และข้ามพื้นที่ สันนิษฐานได้ว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ ขณะเดียวกัน ในพื้นที่จังหวัดตากที่ประชาชนได้ออกมาคัดค้านเรื่องการนำ “กากแคดเมียม” มาฝั่งกลบไว้ที่เดิมนั้น นายร่มธรรม แนะให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็วเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย นอกจากนี้ นายร่มธรรม ยังกล่าวว่า เหตุการณ์ลักลอบขนสารเคมีอันตรายในครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่สำคัญที่รัฐบาลจะต้องเร่งสืบหาข้อเท็จจริง และขบวนการผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ พร้อมทั้ง เสนอแนะให้ถอดบทเรียนเพื่อหาแนวทางการกำกับและควบคุมการใช้สารเคมีอันตรายต่อไป
