Friday, 8 November 2024

คุก ๒ เดือน รออาญา ลูกรมต. เมาแหกด่าน กร่างโวยวายลั่น "สันติ" ขอบคุณตำรวจ

20 Apr 2024
102

เมาแล้วขับ ลูกชาย รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ขับเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู ไอ ๘ ฝ่าด่านเมาของตำรวจ บก.จร. ย่านประชาชื่น ชนแผงเหล็กขับต่อไม่ได้ ก่อนวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทะลุ ๑๘๓ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดกว่า ๓ เท่า ศาลแขวงพระนครเหนือมีคำพิพากษาจำคุก ๒ เดือน ปรับ ๔ พันบาท โทษจำคุกรอลงอาญา ๒ ปี ให้รายงานตัว คุมประพฤติเป็นเวลา ๑ ปี พักใบอนุญาตขับขี่นาน ๖ เดือน และบำเพ็ญประโยชน์ ๑๒ ชั่วโมงลูกชาย รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุขซิ่งเก๋งหรูแหกด่านเมา เปิดเผยเมื่อวันที่ ๑๙ เม.ย. มีรายงานว่าเมื่อเวลา ๐๓.๓๐ น. วันที่ ๑๘ เม.ย. ขณะที่ตำรวจ กก.๕ บก.จร. ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ใกล้แยกประชานุกูล อยู่บนถนนรัชดาภิเษก ช่วงปากซอยรัชดาภิเษก ๓๑ ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตจตุจักร กทม. มีรถเก๋งบี เอ็ม ดับเบิลยู ไอ ๘ สีขาว ทะเบียน ๕ กอ ๒๙๑๕ กรุงเทพมหานคร ขับชะลอเข้าด่านท่าทีมีพิรุธ เมื่อถึงจุดตรวจตำรวจเรียกให้หยุดแต่คนขับรถไม่ยอมหยุด ซ้ำยังขับรถฝ่าจุดตรวจตำรวจจึงใช้แผงเหล็กเลื่อนมาขวางไว้ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวกลับวิ่งชนแผงเหล็กจนทำให้รถวิ่งต่อไปไม่ได้จากนั้นตำรวจร่วมกันควบคุมตัวคนขับเป็นชายลงมาจากรถ เพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ตรวจสอบเอกสารพบชายคนดังกล่าว ชื่อนายพานิช พร้อมพัฒน์ อายุ ๔๖ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๗๗/๕๐ ถนนสุขาภิบาล ๕ แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. บุตรชายคนโตของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ระหว่างนั้นนายพานิชไม่ยอมให้ตรวจวัด ตำรวจใช้เครื่องตรวจวัดแบบไม่สัมผัสจ่อใกล้ปากและจมูกของนายพานิช วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ ๑๘๓ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ๕๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์กว่า ๓ เท่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นและฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร ที่สั่งให้มีการทดสอบว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น รับไว้ดำเนินคดีเป็นคดีอาญาที่ ๕๒๒/๒๕๖๗สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าตัวมีอาการเมาโวยวายไม่ยอมรับทราบในข้อกล่าวหา โดยกล่าวหาตำรวจไม่มีอำนาจจับกุม รวมทั้งแจ้งว่าตำรวจลักเอาทรัพย์สินไป ตำรวจจึงใช้กำลังบังคับคุมตัวเข้าห้องควบคุมของ สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ต่อมาเจ้าตัววางหลักทรัพย์ ๒ หมื่นบาท ยื่นประกันตัวออกไป พนักงานสอบสวนนัดหมายให้นายพานิชมาพบเพื่อส่งฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือในช่วงสายของวันที่ ๑๘ เมษายนมีรายงานว่าระหว่างการสอบปากคำนายพานิชเริ่มสร่างเมาให้การรับสารภาพทุกข้อหา สำหรับข้อหาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวนปรับ ๑,๐๐๐ บาท ตาม พระราชบัญญัติปรับเป็นพินัย พ.ศ.๒๕๖๕ด้านศาลแขวงพระนครเหนือ มีคำพิพากษาในข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาของอย่างอื่น จำคุก ๔ เดือน ปรับ ๘ พันบาท จำเลยให้การรับสารภาพ เหลือจำคุก ๒ เดือน ปรับ ๔ พันบาท รอลงอาญา ๒ ปี รายงานตัวคุมประพฤติเป็นเวลา ๑ ปี พักใบอนุญาต ขับขี่นาน ๖ เดือน และให้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ๑๒ ชั่วโมงด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่ทราบเรื่องเพราะไม่ได้อยู่ด้วย เขาโตแล้วแยกครอบครัวไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะโทร.ถามเขาดูว่าเรื่องเป็นอย่างไร แต่เราต้องเคารพกฎหมายอยู่แล้ว หากเป็นเรื่องเมาแล้วขับอย่างนี้ ถ้าตำรวจช่วยหยุดให้ก็ต้องขอบคุณตำรวจแล้ววันเดียวกัน มูลนิธิเมาไม่ขับออกแถลงการณ์ใจความสรุปว่า ตามที่ปรากฏข่าวต่อสาธารณชน กรณีบุตรชายรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมาแล้วขับและยังฝ่าฝืนการจับกุมของตำรวจ จนถูกจับกุมดำเนินคดีส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือ และศาลแขวงพระนครเหนือตัดสินจำคุก ๔ เดือน ปรับ ๘,๐๐๐ บาท จำเลยรับสารภาพศาลลดโทษให้เหลือจำคุก ๒ เดือน ปรับ ๔,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ ๒ ปี พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ๖ เดือน และให้บำเพ็ญประโยชน์ ๑๒ ชั่วโมงมูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรสาธารณ ประโยชน์ที่ทำงานรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมากว่า ๓๐ ปี ขอเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลทุกๆท่าน ให้ยึดถือปฏิบัติตามนโยบายเมาไม่ขับ เพราะนโยบายดังกล่าวเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงบนท้องถนน หยุดคนเมาไม่ให้มาขับรถ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องถนนดังนั้นถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและรัฐมนตรีทุกคน ตลอดจนบุคคลในครอบครัวต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะหากไม่ยึดถือกฎหมายแล้วจะไปบอกให้ประชาชนเคารพกฎหมายได้อย่างไร มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอเรียกร้องมายังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่