“ทวี” แบไต๋ประชาชาติอยากได้รัฐมนตรีเพิ่มปั่นผลงาน ปัดไม่ได้ยินเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ตั้งเป้าสมัยหน้ากวาด ๑๓ สส. “วันนอร์” ปิดประตูปรับ คณะรัฐมนตรีกับตำแหน่งประธานและรองประธานสภาฯไม่เกี่ยวโยงกัน ชิ่งไม่ตอบกระแสข่าวดีลยกเก้าอี้รองนายกฯแลกประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ “เสี่ยตุ๋ย” ปลุก รทสช.ยึดดีเอ็นเอ “ลุงตู่” ดันพรรคให้โต “ขิง” โวลั่นเลือกตั้งครั้งหน้าปั้นนายกฯชื่อ “พีระพันธุ์” แจงยังไม่ขยับรอประสานมา ดีลโควตา รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหมยังแค่ข่าวลือ แลกกระทรวงต้องขอดูข้อเสนอแกนนำ “สุชาติ” ยิ้มเขินติดโผเสียบ รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯแทน “อนุชา” แล้วแต่พรรค “ธีระชัย” ห่วงคลื่นใต้น้ำคนเสื้อแดงไม่สบายใจ “ณัฐพล” ขึ้นแท่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม วอนเปลี่ยนทหารคนอื่นที่ไม่มีเอี่ยวปราบม็อบแดงมาแทน ๗ พรรคร่วมฯเคาะทำประชามติ ๓ รอบแก้ รธน. ชง คณะรัฐมนตรีไฟเขียว ๒๓ เมษายนจากกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ท่ามกลางกระแสข่าวการวิ่งเต้นต่อรองของบรรดารัฐมนตรีที่มีชื่อเข้าข่ายจะหลุดโผ ขณะเดียวกันมีข่าวบางกระแสเชื่อมโยงไปถึงดีลการแลกเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ล่าสุดแกนนำพรรคประชาชาติ (ปช.) ออกมาปฏิเสธ ปช.ตั้งเป้าสมัยหน้ากวาด ๑๓ สส.เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๒๑ เม.ย. ที่โรงแรมอัล มีรอช กรุงเทพฯ พรรคประชาชาติ (ปช.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ เพื่อแจ้งให้สมาชิกรับทราบถึงการดำเนินการต่างๆของพรรคตาม พระราชบัญญัติพรรคการเมือง มีแกนนำพรรคและ สส.ร่วมประชุมพร้อมเพรียง โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า เราตั้งพรรคมา ๖ ปีแล้ว ๔ ปีแรกเป็นฝ่ายค้าน แต่ ๗ เดือนนี้ขณะนี้ได้เป็นรัฐบาล สิ่งสำคัญคือประชาชนหรือสมาชิกพรรคไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต่างหากที่อยู่รับใช้ประชาชน พรรคจึงต้องแสดงให้ประชาชนได้รับทราบ เราตั้งเป้าว่าพรรคจะใหญ่ขึ้น เป็นพรรคมีอัตลักษณ์ของตัวเอง เป็นสถาบันของประชาชนให้ได้ อาจจะต้องรักษาฐาน ๓ จังหวัดชายแดนให้ดีขึ้น ครั้งนี้พรรคมี สส.เขต ๗ คน ครั้งต่อไปควรได้ ๑๓ คน ครั้งนี้เราเป็นรัฐบาลมีอะไรก็ช่วยกันผลักดันเรื่องพื้นที่ภาคใต้ เชื่อว่าประชาชนต้องการเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิตที่ดี พรรคจะเอาความฝัน ความหวังประชาชนไปถึงจุดหมายให้ได้ สิ่งสำคัญที่ต้องแก้มี ๓ เรื่องคือ ๑.ปัญหายาเสพติด ๒.ขจัดผู้มีอิทธิพล ๓.การต่อสู้กับความยากจน จะเป็นการขับเคลื่อนในส่วนของรัฐมนตรีและสภาฯ“วันนอร์” โวรอบหน้าจอง ๓ รัฐมนตรีต่อมาเวลา ๑๐.๐๐ น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรยายพิเศษหัวข้อ พรรคการเมืองกับระบอบประชาธิปไตยว่า การถอดบทเรียนพรรคประชาชาติ การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคได้ สส.กี่เขต แต่ละเขตมีคะแนนเท่าใด เป็นหน้าที่คณะกรรมการบริหารพรรค สส.ต้องถอดบทเรียนแต่ละพื้นที่ หากไม่ตรวจร่างกายเราด้วยหมอแล้ว เดาว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้รักษาไปก็ไม่หาย ๖ ปีพรรค ปช.โตมากกว่าที่ควรจะเป็นน่าภาคภูมิใจ แม้จะมี สส.เพิ่มจากปี ๒๕๖๒ แค่ ๒ คนก็น่ายินดี บางพรรค สส.ลดด้วยซ้ำ เราต้องโตต่อไป ตอนนี้ มี สส. ๙ คน อีก ๔ ปีต้องโต อย่างน้อยอีกประมาณ ๕ คน จาก ๙ คน ต้องเป็น ๑๔-๑๕ คน ทำนายเลยว่าเลือกตั้งรอบหน้าพรรค ปช.ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.ทวีต้องเป็นรัฐบาลอีกรอบ เมื่อเป็นรัฐบาลมี สส. ๑๕ คน ต้องมีรัฐมนตรี ๓ คน คือ ๑ รัฐมนตรีและอีก ๒ รัฐมนตรีช่วยเอาหรือไม่ ที่ผ่านมาตนพูดเช่นไรจะเป็นเช่นนั้น หากอยากได้รัฐมนตรีเพิ่มต้องทำให้ได้ ๑๕ คน ตอนเป็นฝ่ายค้านยังทำ สส.เพิ่มได้ ๒๐% ถ้าเป็นรัฐบาลทำไม่ได้ ๒๐% อย่ากินข้าวเลย จ.ปัตตานีต้องได้ ๕ คน นราธิวาส ต้องทำการบ้าน ต้นเดือน มิ.ย. ประธานสภาฯพบประชาชนจะเลือก จ.นราธิวาส เป็นที่พบประชาชน ให้นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส ทำให้ สส.เพิ่มขึ้นชู ๓ ปัจจัยวัดผลได้ยอด สส.เพิ่มนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า หาก จ.ยะลาได้ สส. ๓ คน จ.ปัตตานี ได้ ๕ คน และ จ.นราธิวาสได้ ๓ คน รวมได้ ๑๑ คน ก็คงฝันแต่ความจริงทำได้ ๑๒ สวยกว่า แล้วบัญชีรายชื่อได้ ๓ คน เราไม่ฝันเราอยู่บนฐานแห่งความจริง ยังไม่พูดถึงจังหวัดอื่นจะได้ สส.เพิ่มหรือไม่ ปัจจัยที่จะทำให้ สส.เพิ่มคือ ๑.คนลง สส.ต้องอยู่ในสายตาประชาชน มีความรู้ความสามารถ ๒.กระแสต้องสร้างทั้งกระแสพรรค กระแสบุคคลให้ได้ ๓.ปัจจัยอื่นๆ เช่น การปราศรัยบนเวที ป้ายโปสเตอร์ ส่วนที่บอกว่าประธานสภาฯต้องไปคนอื่นต้องมา จะปรับ คณะรัฐมนตรีกี่รอบปรับไป ประธานสภาฯไม่เกี่ยว เพราะเลือกโดยสมาชิก ถามว่าทำไมพรรคก้าวไกลได้ สส.๑๕๑ คน ตัวบุคคลไม่ได้ชนะพรรคอื่น เงินที่ใช้ก็ไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ แต่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เปิดที่ไหนก็เจอ ถึงเวลาแล้วที่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีจริงจัง ไม่ใช่แค่พูดว่าจะทำ มั่นใจว่าหากทำแบบที่พูดกัน เราต้องเป็นรัฐบาลอีกครั้ง แต่หาก สส.เหลือ ๕ คน ใครจะเอาไปเป็นรัฐบาล ย้ำว่าครั้งหน้า สส.ต้อง ๑๕ คนทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ พรรคเราต้องโต อย่าไปอิจฉาใคร ต้องมีความรักสามัคคีร่วมกัน ตนจะทำหน้าที่ประธานสภาฯให้สมเกียรติและศักดิ์สิทธิ์“ทวี”แบไต๋อยากได้ รัฐมนตรีเพิ่มพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นอำนาจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง นายเศรษฐายังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรคประชาชาติ แต่พรรคประชาชาติมีการพูดคุยกัน เพราะพรรคได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่อยากได้ ๒ คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ไม่ได้ยินเปลี่ยนตัวประธานสภาฯเมื่อถามว่ากระแสที่ออกมาเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาฯจบแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า เป็นสิ่งที่สื่อที่เสนอออกไป ยังไม่ได้ยินจากพรรค เพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาล ตำแหน่งประธานสภาฯ สส. ๕๐๐ คน เป็นคนเลือกทั้งประธานสภาฯและรองประธานสภาฯที่ต้องเป็นกลางทางการเมือง ใครก็ตามที่เป็นประธานจะต้องเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ยืนยันไม่เคยได้ยินการจะเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ เมื่อถามว่าหากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก ๑ ที่นั่งแลกกับตำแหน่งประธานสภาฯ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น จะต้องให้เกียรติและเป็นไปตามโควตา พรรคต้องรักษามารยาท เพราะมี สส.เพียง ๙ คน และพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่กว่าพรรคประชาชาติมี สส. ๑๐ คน “วันนอร์” หนุนแก้ไข พระราชบัญญัติกลาโหมนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯกล่าวถึงกรณีสภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรีมีคำสั่งให้พักราชการข้าราชการทหารได้ทันที หากปรากฏข้อเท็จจริงข้าราชการทหารผู้ใดที่ใช้กำลังทหารยึดหรือควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาลเพื่อก่อรัฐประหารว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งของเดิมและของใหม่ จึงยังพูดไม่ได้ คิดว่าการปรับปรุง พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกลาโหมเป็นเรื่องดี เพราะ พระราชบัญญัติกลาโหมฉบับที่ใช้ปัจจุบัน ออกตั้งแต่สมัย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการปฏิวัติรัฐประหาร ส่วนการแก้ไขคุณสมบัตินายพลจะป้องกันการรัฐประหารได้หรือไม่นั้น ไม่ขอก้าวลึกไปขนาดนั้น เพราะไม่ทราบรายละเอียดชิ่งตอบยก รัฐมนตรีแลกเก้าอี้ประมุขสภาผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการปรับ คณะรัฐมนตรีที่อาจมีการเสนอสูตรเพิ่มเก้าอี้ คณะรัฐมนตรีให้พรรค ปช.แลกเก้าอี้ประธานสภาฯ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จบแล้ว การปรับตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกฯ พรรคประชาชาติไม่เข้าไปยุ่ง แต่ประธานและรองประธานสภาฯเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่เกี่ยวโยงกัน เมื่อถามว่าหากมีการเสนอเก้าอี้รองนายกฯเพื่อให้ไปดูแลพื้นที่ภาคใต้ แลกกับเก้าอี้ประธานสภาฯจะพิจารณาทบทวนหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่ตอบคำถามและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันทีติงไม่เหมาะผูก ปธ.สภากับปรับ คณะรัฐมนตรีนายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพากล่าวว่า กระแสข่าวปรับ ครม. มีทั้งข้อเท็จจริงและข่าวปล่อย โดยเฉพาะบางคนที่อยากเข้ามาร่วม คณะรัฐมนตรีเศรษฐา ๒ พยายามปล่อยข่าว กล่าวอ้างถึงโควตาสส.ในมือ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ เพื่อนำไปต่อรองให้ตัวเองมีตำแหน่ง ไม่เหมาะสม ผู้มีอำนาจปรับ คณะรัฐมนตรีย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ใครของจริงของปลอม ส่วนที่พูดถึงกันมากพยายามลากการเปลี่ยนประธานสภาฯให้เกี่ยวโยงกับการปรับ คณะรัฐมนตรีระบุอยู่ในเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนเก้าอี้ ทั้งที่ความเป็นจริงการปรับครม.กับตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนละบทบาทหน้าที่ คนละอำนาจ นายกฯในฐานะผู้นำสูงสุดในการบริหารประเทศ พิจารณาเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาร่วมทำงานใน ครม. ส่วนประธานสภาฯผู้นำสูงสุด ฝ่ายนิติบัญญัติ ถูกเลือกมาจาก สส.ส่วนใหญ่ในที่ประชุมสภาฯ ตามหลักการปกครองระบอบประชา ธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้แบ่งอำนาจไว้อย่างชัดเจนใน ๓ เสาหลัก นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ดังนั้นหากมีความพยายามล่วงล้ำเขตแดนอำนาจอีกฝ่าย จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างได้“อีโต้” หวั่นคลื่นใต้น้ำต้าน “บิ๊กเล็ก”นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสต่อต้านของคนเสื้อแดงที่ไม่ต้องการให้นำ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ มาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม ในการปรับ คณะรัฐมนตรีรอบนี้ว่า การปรับ คณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวไม่ขัดข้องหาก พล.อ.ณัฐพลจะเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม แต่ทราบว่าคนเสื้อแดงและกลุ่มคนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมีความไม่สบายใจชื่อ พล.อ.ณัฐพลตั้งแต่ตอนที่มีชื่อเป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหมช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ เวลาผ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังมีความไม่สบายใจอยู่ อย่างน้อยอยากให้เปลี่ยนเป็นทหารคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปราบคนเสื้อแดง ส่วนตัวเป็นห่วงความรู้สึกคนเสื้อแดงไม่อยากให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในรัฐบาล จนอาจกระทบต่อการบริหารรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับนายก รัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไร หากเป็นทหารคนอื่นเชื่อว่าความรู้สึกคนเสื้อแดงน่าจะพอรับได้ห่วงปรับ คณะรัฐมนตรีช้าทำ ขรก.เกียร์ว่างนายธีระชัยกล่าวว่า การปรับ คณะรัฐมนตรีควรทำให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด ไม่ควรบอกจะตั้งใครหรือปรับใครออก ต้องรีบทำทันที ยิ่งยื้อกันร่วมเดือนยิ่งไม่ดี จะเกิดการวิ่งเต้น เตะตัดขากัน สิ่งที่น่าห่วงสุดคือการเกียร์ว่างในวงราชการ ถ้ามีข่าวว่ารัฐมนตรีคนใดจะถูกปรับออก ข้าราชการจะไม่ทำงาน รัฐมนตรีสั่งอะไรก็ไม่ทำ รอนโยบายจากรัฐมนตรีคนใหม่ ส่งผลให้การบริหารงานหยุดชะงัก โดยเฉพาะการ บริหารงบประมาณรายจ่ายที่ผ่านสภาฯแล้วจะรอช้าไม่ได้ ดังนั้นขอให้รีบปรับ คณะรัฐมนตรีให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด อวยชื่อ “ทักษิณ” ยังขายได้นายธีระชัยยังกล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพลที่ระบุเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนไม่เชื่อการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมีผลต่อคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย และไม่เชื่อการเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งว่า ไม่เชื่อผลนิด้าโพล สส.ที่อยู่ในพื้นที่รู้ดียังมีประชาชนรักนายทักษิณอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่รู้กลุ่มเป้าหมายที่นิด้าโพลสำรวจมีความละเอียดแค่ไหน สำรวจเฉพาะจังหวัดฐานเสียงของพรรคก้าวไกลหรือไม่ และลงไปสำรวจถึงคนที่เป็นชาวบ้านและเกษตรกรจริงๆ หรือไม่ รอบที่แล้วตอนเลือกตั้ง บอกตนจะไม่ได้เป็น สส. แต่ชนะเลือกตั้งได้คะแนนท่วมท้น ๓๐,๐๐๐ กว่าคะแนน อย่าเอากระดาษมาเป็นตัวชี้นำ การไปสำรวจกลุ่มตัวอย่างแค่พันกว่าคนเอามาเป็นตัวชี้วัดอะไรไม่ได้ ผลโพลแค่เชื่อได้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด โดยเฉพาะที่บอกนายทักษิณไม่มีผลต่อคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย ขอให้มาดูที่ จ.อุดรธานี อยากให้นายทักษิณมาที่ จ.อุดรธานีเพราะคนอุดรฯคิดถึง ถ้าไม่มีกระแสที่นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯทำไว้ในอดีต พรรคเพื่อไทยคงไม่ได้สส.ภาคอีสานมากมายขนาดนี้“ตุ๋ย” ยก รทสช.น้องใหม่ยึด ๓๖ สส.เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. ที่สโมสรราชพฤกษ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ มีคณะกรรมการบริหารพรรค สส.และสมาชิกพรรค เข้าร่วมคึกคัก นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค พร้อมรองหัวหน้าพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษา น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม นายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ขณะที่นายพีระพันธุ์กล่าวเปิดการประชุมว่า พรรคจะเดินหน้าต่อด้วยความมั่นคง แม้จะเป็นน้องใหม่ นอกสายตา แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ สส.ถึง ๓๖ คนปลุกยึดดีเอ็นเอ “ลุงตู่” เข็นพรรคโตนายพีระพันธุ์กล่าวว่า กำลังหลักที่ทำให้พรรคมาถึงได้ในทุกวันนี้ เพราะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตสมาชิกพรรค พวกเราไม่เคยลืม จากผลงานและความตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ทุกคนต้องเก็บดีเอ็นเอลุงตู่ไว้เป็นของ รทสช. เพื่อให้พรรคมั่นคง ทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่าเป็นพรรคของประชาชน สู้ทุกปัญหา พึ่งพาได้เป็นจริง จะสืบทอดตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องการตั้งใจทำงาน และเชื่อว่าการเดินมาในแนวทางนี้จะเห็นความตั้งใจในการทำงานและผลงานของพรรคที่จะทำให้พรรคแข็งแกร่งกว่านี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อยากให้พรรคชนะเลือกตั้ง เพื่อให้ปลดพันธนาการและลดภาระประชาชน ตนและกรรมการบริหารพรรค จะสร้างผลงานให้มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ขึงขังรื้อโครงสร้างพลังงานนายพีระพันธุ์กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาโครงสร้างพลังงานของประเทศว่า เมื่อเข้ามาทำให้เห็นว่า ๕๑ ปีที่ผ่านมาระบบพลังงานของประเทศอยู่มาได้อย่างไร ต้องรื้อทิ้งทั้งระบบ เพื่อไม่ให้ปรับราคาน้ำมันรายวัน แต่ต้องอยู่ที่รัฐบาล ไม่ใช่ตลาดโลก พร้อมปลดแอกประชาชนจากค่าไฟโดยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปต่อมาเวลา ๑๒.๔๕ น. นายพีระพันธุ์ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศราคาน้ำมันรัฐบาลจะต้องดำเนินการ เองว่า ขณะนี้มีช่องทางจะดำเนินการได้ในรัฐบาลนี้ ถึงยากก็ต้องทำ เมื่อถามว่าจะขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ ๓๐ บาทให้ประชาชนและผู้ประกอบการหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อยู่โดยร่างแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยไม่ต้องกลัวว่าช้า “เป็นครั้งแรกในรอบ ๕๑ ปี ที่มีมาตรการให้ผู้ค้าต้องแจ้งต้นทุน ที่ผ่านมาไม่มีใครเคยรู้ต้นทุน รู้แค่เพียงขาดทุน แล้วนำเงินกองทุนน้ำมันไปชดเชยกับสิ่งไหน ตอนนี้ผมพยายามรื้อสิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป”“ขิง” ลั่น ลต.หน้าปั้นนายกฯชื่อ “พีระพันธุ์”ขณะที่นายเอกนัฏกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า แรงบันดาลใจทางการเมืองของตน หากพูดไปแล้ว ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นักการเมืองที่ตนได้ฟังคำปราศรัยคนแรกในชีวิตคือ นายพีระพันธุ์ ที่ตอนนั้นลงสมัคร สส.กทม. แต่เชื่อว่าเมื่อชะตาลิขิตแล้ว เราสองคนทำอะไรด้วยกันมันก็จะเกิดความสำเร็จ จากพรรคการเมืองที่ถูกปรามาสว่าจะไม่มี สส.แม้แต่คนเดียวหรือเปล่า แต่วันนี้ได้รับคะแนน ๕ ล้านเสียง มากสุดสำหรับพรรคการเมืองหนึ่งที่ตั้งขึ้นใหม่ และมี สส. ๓๖ ที่นั่ง สานต่อจิตวิญญาณของลุงตู่ แต่เชื่ออีกว่านายพีระพันธุ์เป็นคนที่มีวาสนา จะขอทำหน้าที่ในฐานะด้อมพีระพันธุ์เพื่อปั้นนายกฯที่ชื่อพีระพันธุ์ แต่เราไม่หวังให้เป็นนายกฯส้มหล่น ไม่เอา หวังว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอให้เราสู้ช่วยกัน ๓๖ ที่นั่งไม่พอจะเสนอและตั้งนายกฯได้ แต่ ๒๕๐ ที่นั่งคือเป้าหมาย ฉะนั้นขอให้ทุกท่านช่วยกัน ส่วนกระแสข่าวปรับ คณะรัฐมนตรีได้คุยกับหัวหน้าพรรคว่าพรรคเดินมาด้วยระบบกลไกมาตรฐาน ไม่ต้องไปฟังข่าวลือที่สื่อคาดการณ์ พรรคมาถึงวันนี้ได้เพราะความเสียสละ ฉะนั้นรัฐมนตรี และ สส.ทุกคนไม่มีใครติดและยึดกับตำแหน่งตั้ง “เสธ.หิ” รั้งตำแหน่ง ผู้อำนวยการพรรคผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมพรรคได้เปิดตัวทีม “อาสามาด้วยใจ” มีอินฟลูเอนเซอร์ นักวิชาการ คนรุ่นใหม่มาทำงานด้านโซเชียลฯ เพื่อสร้างฐานเสียงและแนวร่วมขับเคลื่อนพรรค พร้อมเปิดตัวนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ “คนค้นฅน” และกรรมการ บริหารพรรคได้แต่งตั้งนายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ เป็น ผู้อำนวยการพรรค ขณะที่นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคและ ผู้อำนวยการพรรค ได้ยื่นหนังสือลาออกจากรองเลขาธิการพรรคและ ผู้อำนวยการพรรค เนื่องจากมีภารกิจไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ เม.ย. โดยนายพีระพันธุ์กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ผู้อำนวยการพรรคคนเดิมไปเป็นรองหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคจึงมีมติแต่งตั้งให้นางพิชชารัตน์ รักษาการ ผู้อำนวยการพรรค แต่ปัจจุบันแต่งตั้ง ผู้อำนวยการคนใหม่แล้ว นางพิชชารัตน์จึงหมดหน้าที่ ยืนยันในพรรคไม่มีปัญหาอะไร กรรมการบริหารพรรคได้แต่งตั้งนายหิมาลัย ผิวพรรณ เป็น ผู้อำนวยการพรรค“พีระพันธุ์” ชี้ปรับ คณะรัฐมนตรีรอสัญญาณก่อนต่อมาเวลา ๑๒.๓๖ น. นายพีระพันธุ์กล่าวถึงกรณีนายเอกนัฏ ประกาศในที่ประชุมปั้นให้เป็นนายกฯเลือกตั้งครั้งหน้าว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการประชุมต้องพูดแบบนี้ ทุกพรรคต้องประกาศมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อจะชนะการเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องของประชาชน เราไม่มีวันรู้อนาคตได้ แต่ที่สำคัญจะเป็นอะไรต้องทำเพื่อประชาชน เพื่อประเทศไม่ใช่เพื่อตัวเอง ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปและการขับเคลื่อนพรรคไม่ง่าย ไม่มีอะไรง่ายแต่ก็ต้องทำ เมื่อถามว่าการปรับ คณะรัฐมนตรีครั้งหน้าเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน จะยังเป็นของพรรค รทสช.ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า จะปรับ คณะรัฐมนตรีหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะนายกฯยังไม่เคยมาพูด ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อยังไม่มีการพูดถึงการปรับ คณะรัฐมนตรีถือว่ายังไม่มี ถึงเวลาจริงค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ยังไม่มี และไม่ทราบถึงกระแสข่าวว่าจะยืดปรับ คณะรัฐมนตรีออกไปอีก ๒ เดือน เพราะไม่มีหน้าที่เรื่องนี้ คนมีอำนาจคือนายกฯ เมื่อยังไม่มีการพูดอย่างเป็นทางการ ถือว่าไม่มี ฉะนั้น ๔ คนนี้ก็ยังอยู่“เอกนัฏ” รอขยับเมื่อมีการประสานมานายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค รทสช.กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการปรับ คณะรัฐมนตรีในโควตาพรรค หลังนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค มีชื่อติดโผเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ แทนนายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท ในฐานะรองหัวหน้าพรรคและบิ๊กดีลโควตาเก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม ว่า ทั้งหมดเป็นเพียงกระแสข่าวและข่าวลือ แต่ข้อเท็จจริงจนถึงวันนี้ไม่มีการประสานมาว่าจะมีการปรับ คณะรัฐมนตรีหรือไม่ และในพรรค รทสช.จะเอาอย่างไร ดังนั้น จนกว่าจะมีการประสานมาจะไม่มีการพิจารณาใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่ปรากฏบนสื่อยังเป็นข่าวลืออยู่ เมื่อถามว่ากระแสข่าวปรับ ครม. สร้างความขัดแย้งภายในพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มีและไม่กังวลต่อข่าวลือ และไม่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมก่อน เพราะพรรค รทสช.มีเพียง ๔ ตำแหน่ง จาก สส. ๓๖ คน ทุกอย่างพูดคุยกันได้ การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยากแลกกระทรวงต้องดูข้อเสนอแกนนำเมื่อถามว่ามีการแบ่งระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ไม่มี พรรค รทสช.มีกลไกการพิจารณาอยู่แล้ว ไม่ได้ยึดโควตาหรือแบ่งภาค แต่ดูตามความเหมาะสมความสามารถและประสบการณ์เป็นหลัก เมื่อถามว่าหากมีการขอแลกกระทรวงต้องมีการพูดคุยกันก่อนหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า เรื่องนั้นต้องมีการคุยกันอยู่แล้ว เพราะในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หากไม่มีการสื่อสารมาเราจะยึดตามเงื่อนไขเดิมที่เคยตกลงกันไว้ จะพิจารณาก่อนไม่ได้ เพราะต้องดูข้อเสนอหรือข้อสรุปที่พรรคแกนนำส่งมาเป็นอย่างไร “สุชาติ” ยิ้มเขินติดโผแล้วแต่พรรคด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับ คณะรัฐมนตรีมีชื่อติดโผว่า เราอยู่ในนามพรรค รทสช.ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกลไกลของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ของพรรคเป็นหลัก ส่วนการปรับ คณะรัฐมนตรีอำนาจเป็นของนายกฯประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่รู้ว่าจะปรับหรือไม่ หากปรับต้องมาหารือกับพรรค ต้องมีผู้บริหารพรรคอีกจำนวนมาก มีหัวหน้าพรรคเป็นแกนหลัก รวมถึงเลขาธิการพรรคจะพิจารณา เราเป็น สส.ไม่มีสิทธิพิจารณาตรงนั้น เมื่อถามว่ากระแสข่าวมีชื่อติดโผได้มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ นายสุชาติ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “สื่อมวลชนให้กำลังใจผม ขอขอบคุณสื่อมวลชนด้วยและทุกคนที่ให้กำลังใจ” มันยังไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น วันนี้เราเป็น สส.ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยู่ตรงไหนก็ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองได้ ไม่ได้ยึดติดอยู่แล้ว เกือบ ๑ ปีที่เป็น สส.ลงพื้นที่ตลอด“ธนกร” ยัน รทสช.ไร้ปัญหาขัดแย้งนายธนกร หวังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับ คณะรัฐมนตรีว่าสมัยหน้าจะได้เข้าร่วมหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ไม่ทราบ ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ที่กระแสข่าวว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคยืนยันว่าไม่มี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทุกคนคุยกันดี ทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสมและผู้ใหญ่ภายในพรรค ไม่เข้าใจว่ามีข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ภายในพรรคไม่ได้มีความขัดแย้ง และแกนนำก็รู้จักกันมานานพูดคุยกันได้ ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคทำหน้าที่อย่างดี พูดกับสมาชิกเสมอว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ทุกอย่างอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการสร้างกระแสตีข่าวขึ้นมาหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า งงมีข่าวนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ไม่มี ทุกอย่างพูดจา กันได้ แต่ละคนที่อยู่ในกระแสข่าวเป็นรัฐมนตรีมาหมดแล้ว เอาเวลาไปทำงานให้กับประชาชนจะดีกว่าปัดไม่รู้ได้โควตา รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหมเมื่อถามว่า มองการทำงานของพรรคในช่วง ๗ เดือนที่ผ่านมาอย่างไร นายธนกรเผยว่า รัฐมนตรีทั้ง ๔ คนมีผลงานตลอด รวมถึงนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ ที่ถูกมองว่าไม่มีผลงาน มองว่ามีเพราะดูแลภาคเกษตร รวมถึงหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง มีผลงาน ท่านทำงานดี เมื่อถามถึงกระแสพรรค รทสช. อาจได้โควตา รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม นายธนกรกล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่ว่าจะเป็นสมบัติผลัดกันชมหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า อย่าพูดแบบนั้นในพรรคเราพูดกันตลอด หัวหน้าพรรคบอกตลอดว่าคนที่เป็นรัฐมนตรี ไม่มีใครยึดติดในตำแหน่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะสลับสับเปลี่ยน แต่เราไม่ได้เล่นเก้าอี้ดนตรี แค่เปลี่ยนแปลงการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่ทำก็ดีอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกคนสามารถเข้าสู่เป้าหมายได้ ยืนยันยังไม่ได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่๗ พรรคร่วมฯหารือประชามติ รธน.อีกเรื่อง เมื่อเวลา ๑๓.๓๐ น. ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค มีการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ๗ พรรค เพื่อหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นการจัดทำประชามติจะต้องทำกี่ครั้ง ภายหลังยังไม่มีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญเรื่องกระบวนการทำประชามติ มีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมพร้อมเพรียง พรรคเพื่อไทยนำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรค ร่วมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และนายนิกร จำนง ประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์และ ผู้อำนวยการพรรค ชทพ.นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครทสช. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าเห็นชอบทำ ๓ รอบชง ครม. ๒๓ เมษายนผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันว่าให้มีการทำประชามติ ๓ ครั้งตามข้อเสนอของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ ที่มีนายภูมิธรรมเป็นประธาน โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในวันที่ ๒๓ เมษายนนี้ หาก คณะรัฐมนตรีเห็นชอบจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพูดคุยในประเด็นที่ฝ่ายค้านจะรณรงค์และประชาสัมพันธ์ไม่ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ซึ่งที่ประชุมมองว่าหากประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิจะต้องทนใช้รัฐธรรมนูญเดิมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต่อไป แต่ถ้าออกมาใช้สิทธิกันมากๆ มีโอกาสที่จะได้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐โพลไม่เชื่อ พท.ผู้นำการเปลี่ยนแปลงวันเดียวกัน นิด้าโพล เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “จากบทบาททักษิณ ถึงฝันของนายกฯเศรษฐา” ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ เมษายนจากประชาชนที่มีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม ๑,๓๑๐ หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงผลกระทบต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย จากความเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ออกจาก รพ.ตำรวจ พบว่าร้อยละ ๔๐.๖๑ ระบุว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ร้อยละ ๓๓.๒๑ ระบุส่งผลกระทบทางลบ ร้อยละ ๑๙.๕๔ ระบุส่งผลกระทบทางบวก และร้อยละ ๖.๖๔ ระบุเฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ด้านความคิดเห็นต่อคำกล่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ ๓๙.๔๗ ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ ๑๘.๘๕ ระบุไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ ๑๗.๙๔ ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ ๑๕.๗๓ เห็นด้วยมาก และร้อยละ ๘.๐๑ ระบุว่า เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ และเมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ร้อยละ ๓๒.๙๘ ระบุเป็นไปไม่ได้เลย ร้อยละ ๒๙.๒๔ ระบุค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ ๒๑.๑๔ ระบุไม่ค่อยเป็นไปได้ ร้อยละ ๑๒.๘๒ ระบุเป็นไปได้มาก และร้อยละ ๓.๘๒ ระบุว่า เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจนายกฯชูภูเก็ตโมเดลท่องเที่ยว-ปลอดภัยเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯว่า ภูเก็ตต้องปลอดภัยอาชญากรรมต้องหมดไป เป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการใน จ.ภูเก็ต กงสุลและกงสุลกิตติมศักดิ์ ๑๒ ประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย ประชุมป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดของชาวต่างชาติและการกำหนดมาตรการเสริมสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ต้องสร้าง Phuket Model เรื่องการท่องเที่ยวควบคู่กับความปลอดภัย บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด ต้องป้องกันทั้งอุบัติเหตุทางถนน ทางน้ำ อัคคีภัย ผู้ประกอบการต้องมีใบอนุญาต ห้ามชาวต่างชาติขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ ป่าตอง บางลา จุดที่มีนักท่องเที่ยวมาก ต้องห้ามมียาเสพติด และการทะเลาะวิวาท ขอให้รักษาราชการแทน ผบ.ตำรวจเร่งปรับปรุง สภ.ป่าตองและป้อมบาลาโดยด่วน ขอร้องว่าเราเองอย่ามองเพียงแค่เงินที่จะมาเข้ากระเป๋าของธุรกิจอย่างเดียว แต่ขอให้เรายึดเรื่องความมั่นคงของประเทศเป็นหลักด้วยอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
“วันนอร์” ชิ่งหนีปมร้อน รองนายกฯแลกประธานสภา “ทวี” แบไต๋ขอเพิ่ม “๑ รัฐมนตรี”
Related posts