Thursday, 19 December 2024

อย่าทำให้มันยุ่ง!

ความจริงการปรับ คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ไม่น่าจะมีปัญหาหากไม่ทำให้มันยุ่งเสียเอง โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” แกนนำ ซึ่งมีเสียงสนับสนุนถึง ๓๑๔ เสียงถ้าไม่ทำให้มันยุ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรเพราะพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง ๑๑ พรรค โดยเฉพาะที่มีตำแหน่งรัฐมนตรีต่างก็ไม่ต้องการแยกขั้วไปเป็นฝ่ายค้านเพราะต่างก็รู้ดีว่าเป็นฝ่ายค้านนั้นมันไม่สนุกด้วยประการทั้งปวงยิ่งต่างก็เคยเป็นฝ่ายรัฐบาลมาอย่างยาวนานสมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นสุขสำราญแค่ไหน“เพื่อไทย” เสียอีกที่ต้องกล้ำกลืนมาหลายปีว่าไปแล้วต่างก็รู้ดีว่าควรจะอยู่ตรงไหน อย่างไร“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ดูทีท่าไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้เท่าใด หากไม่คิดจะปรับอย่างที่พูดว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ค่อนข้างจะ “ผิดฝาผิดตัว” คือคนไม่ตรงกับงานถ้าไม่เอาเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ แต่ละพรรคจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคย่อมไม่เกิดปัญหาดูรายชื่อแล้วไม่ผิดกติกาก็จบ…เว้นแต่นายกรัฐมนตรีจะปรับเพื่อสนองงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ที่มีปัญหาก็อยู่ที่ “เพื่อไทย” นี่แหละ…เพราะเป็นพรรคใหญ่มีผู้คนจำนวนมากต้องการก็มากไปด้วย ที่สำคัญต่างคนก็มี “ลูกพี่” คอยกำกับอยู่ข้างหลังก็เลยยุ่งเป็นธรรมดาอย่างข่าวที่ว่าจะเปลี่ยนรัฐมนตรีเพื่อให้ไปทำงานในสภา เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญมากกว่า หากนั่งเป็น สส.ธรรมดาก็ไม่มีปัญหาแต่ถึงขั้นจะขยับให้ไปเป็นประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งเก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่งทำหน้าที่อยู่แล้ว และสามารถปฏิบัติภารกิจแบบไร้ที่ติพูดไปแล้วก็มีจุดยืนที่เป็นคุณแก่รัฐบาลด้วยซํ้าไปเมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูประธานสภาคนปัจจุบันคือ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” จึงให้ความเห็นค่อนข้างจะมีอารมณ์สักหน่อย โดยบอกว่า “การปรับ คณะรัฐมนตรีกับตำแหน่งประธานสภาเป็นคนละเรื่องกัน ยังไม่มีสัญญาณอะไร”“ไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ ถ้าทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชนต้องทำเต็มที่ แต่ถ้าทำไม่ได้หรือไม่สามารถทำได้ก็พร้อมจะไป”“ไม่มีใครส่งสัญญาณมา ถึงส่งสัญญาณก็เป็นสัญญาณที่รับไม่ได้ มันไม่มีเหตุผลใดๆที่จะต้องเปลี่ยนประธานสภา”ก็ชัดในทุกถ้อยคำ…ด้วยคำตอบนี้ทำให้แกนนำ “เพื่อไทย” ต่างก็ออกมาปฏิเสธว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ข่าว ไม่มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนตัวแต่อย่างใด ไม่มีอะไรเพราะการทำงานของประธานสภาที่ผ่านมา ทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติสมหน้าที่ ไม่มีความขัดแย้งและปฏิบัติต่อ สส.อย่างดี“เพื่อไทย” ไม่ใช่เจ้าของตั้งแต่ต้น จะยึดคืนไม่ได้ ซึ่งสภาจะเป็นผู้ตัดสินประเด็นนี้คงจะจบไปด้วยดีเพราะการขึ้นเป็นประธานสภานั้น เพราะมีความจำเป็นเมื่อเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการตำแหน่งนี้ก็เลยต้องหา “คนกลาง” มาทำหน้าที่ เพราะนอกจากอาวุโสแล้วยังมีประสบการณ์เคยทำหน้าที่มาแล้วอีกทั้งพรรคประชาชาติก็ร่วมรัฐบาลมีเสียงสนับสนุน ๑๐ เสียงไม่มีปัญหาแต่จะทำให้เกิดปัญหาก็เพราะเรื่องแบบนี้แหละ…“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม