ถือเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาเมืองไทยที่ไปปฏิบัติธรรมในต่างแดนสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส จัดบรรพชาอุปสมบทหมู่ ภายใต้โครงการ “สยามวงศ์รุ่น ๑” ที่ประเทศศรีลังกา ทำหน้าที่เป็น “พระอุปัชฌาย์” บวชพระนวกะจำนวน ๔๗ รูป ที่เดินทางจากประเทศไทยไปทำพิธีในโบสถ์กลางน้ำ วัดคงคาราม เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา คณะพระนวกะจากประเทศไทย ร่วมตามรอยพุทธประวัติเก่าแก่อันเป็นอารยธรรมหลายร้อยปี ตามเมืองและสถานที่ต่างๆในประเทศศรีลังกา.ในจำนวนนั้น มี พล.อ.พอพล มณีรินทร์ อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย และ นายกิตติ สิงหาปัด พิธีกรผู้ดำเนินรายการข่าวสามมิติ ร่วมคณะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยเป็นความตั้งใจของ สมเด็จพระธีรญาณมุนี ที่ดำริให้ขยายการเผยแผ่การอุปสมบทในพระพุทธศาสนา “นิกายสยามวงศ์” แบบธรรมยุต กระทั่งเป็นครั้งแรกที่มีพระภิกษุสงฆ์จากเมืองไทยมาบวชให้ชาวไทยใน “สีมาน้ำ” ของเมืองลังกาย้อนไปสมัยพระนครศรีอยุธยาในปี พ.ศ.๒๒๙๓ พระเจ้ากีรติศรีราชสิงหะ กษัตริย์ศรีลังกา มีความศรัทธาแรงกล้าที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับคืนสู่ศรีลังกา อีกครั้ง ถึงส่งราชทูตมายังกรุงศรีอยุธยาขอ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาส่ง พระอุบาลีมหาเถระ และ พระอริยมุนีมหาเถระ พร้อมทั้งสามเณรอีก ๗ รูป ออกเดินทางด้วยเรือกำปั่นหลวงไปเมืองแคนดี้ เข้าพัก วัดบุปผาราม ปัจจุบันคือ “วัดมัลวัตตะ” อุปสมบทภิกษุชาวสิงหล ๗๐๐ รูป และบรรพชาสามเณรอีก ๓,๐๐๐ รูป กลายเป็นต้นกำเนิดของ “นิกายสยามวงศ์” ตั้งแต่บัดนั้น สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส นำพุทธศาสนิกชนจากประเทศไทย ไปบรรพชาอุปสมบทหมู่ ภายใต้โครงการ “สยามวงศ์รุ่น ๑” จำนวน ๔๗ รูป ที่โบสถ์กลางน้ำ วัดคงคาราม เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา จากนั้นนำไปปฏิบัติใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่เมืองอนุราธปุระ. สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอุปัชฌาย์อุปสมบทพระนวกะจากไทย ๔๗ รูป โดยมี พล.อ.พอพล มณีรินทร์, นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ และ นายกิตติ สิงหาปัด ร่วมอุปสมบทด้วย.การเดินทางของพระนวกะทั้ง ๔๗ รูปในบารมีธรรมของ สมเด็จพระธีรญาณมุนี ในครั้งนี้ นอกจากได้ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ปฏิบัติตัวตามพระวินัยของสงฆ์อย่างครบถ้วนยังมีโอกาสตามรอยพุทธประวัติของศาสนาพุทธอันเก่าแก่เป็นอารยธรรมหลายร้อยปี อาทิ เมืองอนุราธปุระ เมืองหลวงเก่าแห่งแรกของลังกา เคยเป็นพระราชอุทยานของพระเจ้าแผ่นดินลังกา มีสถานที่สำคัญ คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ รากฐานของโลหะปราสาท และพระเจดีย์สุวรรณมาลิกกราบพระพุทธรูป “อูวคานา Aukana” ที่แกะสลักลอยตัวจากหน้าผาทั้งลูก พระนวกะในคณะยังได้สวดและฟังปาติโมกข์ด้วย เนื่องจากเป็น “วันธรรมสวนะ” ที่เรียกว่า “วันพระใหญ่”ก่อนมุ่งหน้าไป “วัดถ้ำดัมบูลลา” ภายในเป็นประติมากรรมและภาพจิตรกรรมศิลปะอันงดงามทรงคุณค่าเหนือกาลเวลาของชาวลังกา เช่นเดียวกับ “วัดกัลวิหาร” ที่มีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยเทคนิคเดียวกันจากหินแกรนิตที่เป็นหน้าผาขนาดใหญ่ สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอุปัชฌาย์อุปสมบทพระนวกะจากไทย ๔๗ รูป โดยมี พล.อ.พอพล มณีรินทร์, นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ และ นายกิตติ สิงหาปัด ร่วมอุปสมบทด้วย.ต่อมาเดินทางไปยัง “วัดอาโลกวิหาร” อยู่ในเขตพื้นที่เมืองมะตะเล เป็นสถานที่ที่ได้มีการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งสำคัญเป็นครั้งที่ห้าของโลก ก่อนเข้าสักการะ พระสังฆนายก ผู้ปกครองนิกายสยามวงศ์ลำดับที่ ๒๖ ของคณะมัลวัตตะจากนั้นเข้ากราบสักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” ที่วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศทั่วโลกต่างเดินทางไปกันแน่นขนัดแวะสวดมนต์ทำวัตรเย็น “วัดศรีปรมะนันทะ” เมืองกอล์ สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ ระหว่างประพาสยุโรป ทรงมีพระราชศรัทธา ทรงวางศิลาฤกษ์ และพระราชทานนามศาลาการเปรียญหลังใหญ่ว่า “จุฬาลงกรณ์ธรรมศาลา” พระนวกะในคณะสงฆ์ไทย ไปกราบพระพุทธรูป “อูวคานา” ที่แกะสลักจากหน้าผาทั้งลูก ร่วมเจริญพระพุทธมนต์และฟังโอวาทปาติโมกข์ ในวัน “ ธรรมสวนะ”.ก่อนกลับเมืองโคลัมโบ คณะพระนวกะได้ไป “วัดสันติวิหาร” ที่ สมเด็จพระธีรญาณมุนี รับเป็นผู้อุปถัมภ์บำรุงการสร้างศาลาการเปรียญสำหรับใช้เรียนหนังสือทั้งของพระและเด็กนักเรียนทั่วไป เมตตาให้มีการทอดผ้าป่าและมอบเงินช่วยค่าก่อสร้างตั้งชื่อว่า “ศาลาการเปรียญสมเด็จพระธีรญาณมุนี”ส่งท้ายด้วยการเข้านมัสการ “พระสุมังคโล” เจ้าอาวาส “วัดเทวาราม” ในสังกัด “นิกายอมร ปุระ” ร่วมกันสวดทำวัตรเย็น นั่งทำสมาธิ “เติมพลังบุญ” ก่อนบินกลับเมืองไทยทำพิธีลาสิกขาที่วัดเทพศิรินทราวาส.ชนาธิป กฤษณสุวรรณ รายงานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่โปรย
