Thursday, 19 December 2024

สันนิษฐานวางเพลิงไฟไหม้โกดังกากสารเคมี ป่วน ๒ ตำบล ส่อพันอีกคดี ภาชี-อยุธยา

24 Apr 2024
100

เร่งสาวลึกปมเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานเก็บกากสารเคมี รอง ผวจ.ระยอง ฟันธงไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจร เพราะโรงงานปิดกิจการตัดไฟไปแล้ว ตั้งข้อสงสัยเป็นการวางเพลิง  ผ่านไปกว่า ๒๔ ชม.ยังไม่ดับสนิท ต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ไม่ให้ปะทุขึ้นมาอีก รอเพลิงสงบให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบประเมินความปลอดภัย หวั่นสารพิษรั่วไหลเกิดผลกระทบกับชาวบ้าน ออกประกาศพื้นที่ประสบอัคคีภัย ๒ ตำบล นอภ.เดือด เจ้าของโรงงานยังไม่โผล่หัว แถมขู่ฟ้องเจ้าหน้าที่ดับเพลิง รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมเชื่อเหตุเพลิงไหม้มีพิรุธ ส่อเชื่อมโยงเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี จ.พระนคร ศรีอยุธยา กมธ.อุตฯชี้ปัญหาซ้ำซาก หวั่นพฤติกรรมเลียนแบบเผาทำลายหลักฐาน จี้ยกเครื่องระบบจัดเก็บกากสารเคมีทั่วประเทศจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม ภายในบริษัท วิน โปรเสส จำกัด บ้านหนองพวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดไม่ให้เปลวไฟลุกลามขยายวงกว้าง ตั้งแต่เหตุเกิดในช่วงเช้าถึงช่วงค่ำวันที่ ๒๒ เม.ย. ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ กลุ่มควันพิษพวยพุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้าฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ต้องรีบอพยพชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงไปอยู่ในที่ปลอดภัย เบื้องต้นตรวจสอบคุณภาพอากาศรอบโรงงานยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ ๒๓ เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง มีการปรับแผนการดับเพลิงตามสถานการณ์ ใช้โดรนตรวจจับความร้อนในแต่ละจุดของโรงงานที่เกิดไฟลุกไหม้ ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากหลังคาฝ้าเพดานหรืออาคารถล่มใส่เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปใช้โฟมฉีดดับไฟทีละจุด ส่วนที่โกดังมีบ่อเก็บสารเคมีปนเปื้อนอีก ๓๐ บ่อ เจ้าหน้าที่ฉีดโฟมคลุมไว้แล้ว นายกัฬชัย เทพวรชัย รอง ผวจ.ระยอง ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมทีมดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า สามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดได้เกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่ลุกลามแล้ว แต่ก็ยังไม่เบ็ดเสร็จ ให้เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำเลี้ยงไว้ไม่ให้ลุกลามเพิ่มและให้สามารถดับเพลิงได้ทั้งหมดต่อมาเวลา ๐๙.๐๐ น. นายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวิชญ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบสภาพโรงงานที่ถูกเพลิงไหม้เพื่อรายงานสถานการณ์ต่อ รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ขณะที่นายจตุรงค์ วงค์สุวรรณ นายก อบต.บางบุตร เผยว่า สามารถควบคุมเพลิงได้ประมาณ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ยังมีบางจุดที่ยังมีควันไฟอยู่ ได้ใช้โฟมฉีดคลุมไว้ ส่วนที่มีความกังวลคือผงสารเคมีที่ถูกไฟไหม้กองอยู่ฉีดโฟมคลุมไว้ไม่รู้จะปะทุหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายหรือไม่ การบำบัดหรือขนย้ายจะต้องทำอย่างไร ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านที่ห้องประชุม อบต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. นายกัฬชัย เทพวรชัย รอง  ผวจ.ระยอง ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เพลิงไหม้ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มีนายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวิชญ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายทศพล บวรโมทย์ นอภ.บ้านค่าย ร่วมประชุม นายกัฬชัยกล่าวว่า ถึงแม้ไฟจะดับเกือบหมดแล้วแต่ยังมีควันคุกรุ่นอยู่ ต้องประชุมทีมดับเพลิงรายวันเพื่อประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าระงับเหตุ โดยเฉพาะแผนการใช้รถแบ็กโฮเข้าไปเกลี่ยกองเพลิงที่ยังคุกรุ่นอยู่ ไม่รู้ใต้พื้นมีอะไรหรือไม่ อาจจะเกิดระเบิดขึ้นอีกก็เป็นไปได้ การเข้าระงับเหตุจะต้องให้เกิดความปลอดภัยและให้จบเร็วที่สุด แผนต่อไปจะทำให้ควันไฟดับโดยสิ้นเชิง ให้มลพิษเกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ก่อนจะดำเนินการด้านอื่นๆต่อไปรอง ผวจ.ระยอง เผยต่อไปว่า การประเมินว่าเพลิงเผาผลาญสารเคมีหมดไปเท่าไหร่ ยังไม่สามารถเข้าไปดูได้ เนื่องจากเพลิงยังไม่สงบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทีมดับเพลิงที่เชี่ยวชาญจะเข้าไปตรวจสอบประเมินก่อน ต้องไม่ประมาทเนื่องจากไฟพร้อมปะทุได้ตลอดเวลา ต้องมีทีมดับเพลิงสแตนด์บายไว้ตลอด ๒๔ ชม. คาดการณ์ว่าเพลิงจะสงบได้ไม่เกิน ๒๐ ชม.จากนี้ ส่วนผู้ได้รับผลกระทบได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบเหตุอัคคีภัย ๒ ตำบล คือ หมู่ ๑-๑๑ ต.หนองบัว และหมู่ ๑-๑๒ ต.บางบุตร เพื่อจะได้รับการช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุม มีหน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่ที่วัดหนองพวา ส่วนที่ศูนย์พักพิง อบต.บางบุตร และ อบต.หนองบัว มีประชาชนมารักษาตัวจากอาการคลื่นไส้อาเจียน ๕๕ คน และที่ รพ.บ้านค่าย ได้เปิดให้ประชาชน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าตรวจสุขภาพฟรีด้วยนายกัฬชัยกล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุมีเจ้าของบริษัทมาแสดงตัว ๑ คน อ้างเป็นจำเลยที่ ๒ แต่เจ้าของจริงๆยังไม่เจอตัว ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้มาจากประเด็นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจรนั้น ตัดทิ้งไปเลย เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ปิดกิจการและตัดไฟไปนานแล้ว ส่วนเป็นการวางเพลิงหรือไม่ยังไม่ตัดทิ้งจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และทีมสอบสวนต่อไป ส่วนโรงงานที่มีลักษณะนี้ในพื้นที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไปนายทศพล บวรโมทย์ นอภ.บ้านค่าย กล่าวด้วยอารมณ์เดือดว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เจอหน้าเจ้าของโรงงานเลย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางโรงงานจะฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยดับเพลิง อยากให้หน่วยงานภาครัฐออกหนังสือยืนยันในการเข้าไปปฏิบัติงานอย่างถูกต้องนั้น ไม่ต้องห่วง ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานสบายใจได้ ตนรับผิดชอบเอง ถ้าจะฟ้องให้มาฟ้องตนได้เลย ขอตั้งข้อสังเกตส่วนตัวว่า การเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าวมักจะเกิดกับโรงงานลักษณะนี้บ่อยครั้งมาก ไม่อยากตีความเป็นอย่างอื่น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นบ่อยจนผิดสังเกตด้านคดี เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ระยอง เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วิทยา บุญกุล รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านค่าย ว่าโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการปฏิบัติตามคำสั่งศาลจังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม๖๖ จะต้องบำบัดและกำจัดของเสียภายในโรงงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม๖๖ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการจำแนกแยกของเสีย (ของกลางที่ศาลสั่งริบ) แต่ถูกเพลิงไหม้เสียหาย มาแจ้งความให้ตำรวจสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมี อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่ถูกมองว่าเชื่อมโยงกับเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานจากอุตสาหกรรมจังหวัดตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๒ เม.ย. สั่งการปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เข้าไปดูเรื่องนี้โดยด่วน เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงเหตุเพลิงไหม้ใน ๒ พื้นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำลายหลักฐานหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวว่า ขอให้รอผลสรุปจากตำรวจก่อน เรื่องนี้เป็นมหากาพย์ จริงๆไม่ใช่พื้นที่ใน อ.ภาชี และ จ.ระยอง เท่านั้น รวมไปถึงพื้นที่ จ.ราชบุรี ด้วย สั่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบต่อประเด็นนี้ ต้องนำความจริงมาตอบสังคมให้ได้ว่าเป็นไปตามข้อกล่าวหาหรือไม่ เมื่อถามอีกว่าเหตุการณ์นี้ดูมีพิรุธหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทราตอบว่า มีแน่นอน แต่ขอให้ตำรวจเป็นผู้สรุปคดี ในส่วนของตนจะดูแลเรื่องการกำจัดกากสารเคมีที่อยู่ในบริเวณนั้นกำลังดำเนินการว่าจะทำอย่างไรที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไฟไหม้ลักษณะนี้ถือเป็นปัญหาซ้ำซาก สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงกรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องหามาตรการป้องกันให้ได้ผล แต่ที่ผ่านมามักมีการเผาทำลายหลักฐานกากอุตสาหกรรม แต่ดูแลควบคุมไม่ได้ ปล่อยให้เกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีหน้าที่กำกับดูแล ต้องเข้าไปตรวจสอบและป้องกันการก่อเหตุให้ได้ผลทั้งที่ จ.ราชบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ระยอง ถ้าไม่ดำเนินการจริงจังจะเกิดการเผาทำลายหลักฐานเช่นนี้ขึ้นอีก“เหตุไฟไหม้โรงเก็บกากอุตสาหกรรมในหลายจังหวัดมีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่มีการชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า การดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการไปถึงไหน มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตำรวจ บก.ปทส.บ้างหรือไม่ กลายเป็นปัญหาระดับชาติ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องจัดการอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจัง ต้องสังคายนาระบบการจัดเก็บกากอุตสาหกรรมใหม่ทั่วประเทศ เพราะเหตุไฟไหม้ที่ผ่านมาส่วนมากเกิดจากการเผาทำลายหลักฐาน ในเมื่อกำจัดกากอุตสาหกรรมไม่ได้ และใช้งบประมาณดำเนินการมาก เลยใช้วิธีเผาทำลาย ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ถ้าเป็นการเผาทำลายต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” นายอัครเดชกล่าวนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล แถลงเรียกร้องรัฐบาลพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าควันที่ลอยออกไปมีวงกว้างขนาดไหน มีสารพิษเจือปนมากแค่ไหน มีผลกระทบต่อประชาชนมากน้อยเพียงใด การชดเชยเยียวยาต้องกำหนดกรอบให้ชัดเจน และภาครัฐจะดำเนินการอย่างไรกับกากอุตสาหกรรมที่ยังเหลืออยู่ในพื้นที่อื่น เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการจงใจวางเพลิงหรือไม่เพราะจะได้ไม่ต้องขนย้ายสารเคมี นายชุติพงศ์ตอบทันทีว่า มีข้อสังเกตว่ามีคำสั่งจากอุตสาหกรรม จ.ระยอง วันที่ ๑๙ เมษายนให้ขนย้ายออกไปโดยด่วน แต่เหตุเกิดวันที่ ๒๒ เมษายนเป็นวันจันทร์ที่เริ่มทำงาน และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในโรงงานมีอะไรบ้าง ตำรวจจะต้องตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายนอกว่ามีใครเข้าออกโรงงานช่วงกลางคืนถึงเช้าหรือไม่ ทั้งนี้มีการเชื่อมโยงว่าเจ้าของโรงงานเป็นคนเดียวกับโรงงานที่ถูกไฟไหม้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยาด้วยอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่